เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งวัดเซลเซียสและฟาเรนไฮน์, เทอร์โมมิเตอร์ติดผนังแบบไม้

เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะธรรมดา แบบมีทั้งสเกลเซลเซียสและ

ฟาเรนไฮน์, เทอร์โมมิเตอร์ติดผนังแบบไม้

270.-  ผมอนันต์ครับ

   เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะธรรมดาแล้วส่วนใหญ่จะวัดกันได้เพียงสเกลเดียว ซึ่ง

ถ้าท่านบางครั้งต้องการทราบค่าในหน่วยอื่นด้วยจะทราบไม่ได้ ผมมีวิธีคำนวน

ง่าย ๆ ครับ คือ C/5 = (F - 32)/9 หรือเขียนง่าย ๆ คือ C = (5F - 160)/9 

ความหมายคือถ้าท่านทราบอุณหภูมิในองศาเซลเซียส ท่านก็จะสามารถทราบ

อุณหภูมิเป็นองศาฟาเรนไฮน์ได้ หรือถ้าท่านทราบอุณหภูมิในองศาฟาเรนไฮน์

ท่านก็จะสามารถทราบอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียสได้เช่นกัน โดยการแทน

ค่าสูตรนี้(C หมายถึงอุณหภูมิในองศาเซลเซียส ส่วน F หมายถึงอุณหภูมิใน

หน่วยองศาฟาเรนไฮน์)

 หลายท่านทราบดีอยู่แล้วแต่บางท่านไม่ทราบโทรมาถามผมก็มี แต่ถ้าท่านต้อง

การแบบไม่ต้องคำนวน ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์รุ่นนี้ครับ

ให้สูตรเพิ่มเติมครับ C/5 = (F - 32)/9 = R/4  R คือ องศาโรเมอร์ครับ

ฟาเรนไฮน์นิยมใช้กับประเทศสหรัฐอเมริกาครับ ส่วนเซลเซียสใช้สากลครับ

      ท่านครับสำหรับประเทศไทยนั้น

จะคุ้นเคยกับการวัดอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส

เพราะใช้กันมากเป็นส่วนใหญ่

แต่อย่างไรก็ตามแต่ไม่ใช่ว่าอุณหภูมิในหน่วยองศาฟาเรนไฮน์จะไม่มีประโยชน์

นะครับ มันมีประโยชน์มาก ๆ ในกรณีที่ท่านต้องการจะวัดอะไรที่ละเอียด ๆ

เพราะท่านกำลังต้องการความแม่นยำและถูกต้องที่สุด

เพื่อให้เกิดการสูญเสียให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

      ผมจำหน่ายเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นให้กับนักเพาะพันธุ์นกสายพันธุ์ต่าง

ประเืทศที่หายาก และมีราคาสูงมาก ๆ ด้วย เฉพาะไข่นกใบหนึ่งตกอยู่ที่ประมาณ

20,000 ถึง 50,000 บาท  

ความชื้นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไข่ที่จะฟักได้ในตู้อบไข่ขนาดมาตรฐานจะอยู่ที่

50 - 55 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่ที่ 100

องศาฟาเรนไฮน์หรือ 37.78 องศาเซลเซียส ถ้าหากว่าอุณหภูมิขึ้นไปถึง 102

องศาฟาเรนไฮน์ โดยที่เราควบคุมอุณหภูมิไม่ดี หรือไม่ทันสังเกตุ นานจนเกินไป

ไข่เสียครับ นั่นคือคนเลี้ยงจะสูญเงินไปด้วย

          ในกรณีที่ท่านต้องการความละเอียดของอุณหภูมิประมาณนี้

คนเพาะเลี้ยงท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า

ผู้เพาะเลี้ยงต้องเลือกใช้ปรอทวัดอุณหภูมิในหน่วยขององศาฟาเรนไฮน์เท่านั้น

ครับ จึงจะเหมาะสมที่สุด ป้องกันความผิดพลาดได้มากที่สุด พิจารณาง่าย ๆ

ก็คือ 1 องศาฟาเรนไฮน์จะเท่ากับประมาณ 0.56 องศาเซลเซียส

ปกติมนุษย์เราพออุณหภูมิเกินขีด 1 องศาแล้วมักจะไม่ค่อยสนใจแล้ว

เพราะจะเริ่มดูคร่าว ๆ ไม่ทันระวัง เช่นคนอ่านอุณหภูมิได้เลยขีดที่ 38

องศาเซลเีซียสไปแล้ว แล้วคนก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่าไม่เป็นอะไร บอกไปว่า 38

องศาเศษ ๆ โดยไม่สนใจว่าจริง ๆ แล้วเลย 38 องศาเซลเซียสไปมากเท่าไร

เป็นต้น

ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้อุณหภูมิเกินขีดไปได้โดยที่ไม่ตั้งใจได้

ยิ่งถ้างานนั้นต้องการความละเอียดมาก ๆ และมีเดิมพันที่สูง จะพลาดได้

หรือถ้าท่านไม่อยากคำนวน เข้าไปแทนค่าอุณหภูมิในเวบเพจหน้านี้ได้เลยครับ

http://www.lenntech.com/calculators/temperature/temperature.htm

    ท่านครับ เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแ้ห้งรุ่นที่ผมนำเสนอนี้

สามารถวัดอุณหภูมิได้ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทยได้แน่นอนเลยครับ

เพราะว่าจุดเริ่มต้นของเทอร์โมมิเตอร์รุ่นนี้จะอยู่ที่ ติดลบ 30 องศาเซลเซียส

(ประมาณ ลบ 20 องศาฟาเรนไฮน์) ในขณะที่อุณหภูมิสูงสุดที่จะอ่านได้จะอยู่ที่

50 องศาเซลเซียส(ประมาณ 120 องศาฟาเรนไฮน์)

       แต่ท่านเชื่อไหมครับว่าประเทศอื่นที่อยู่บนโลกใบเดียวกับเรานี้มีอุณหภูมิในตอน

กลางวันที่สูงเกินกว่าที่เทอร์โมมิเตอร์รุ่นนี้จะวัดเข้าไปได้เสียอีก

ในนี้ผมคัดลอกคลิปมา ซึ่งมีประมาณ 10

สถานที่ที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งครับว่าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ

ก็ไม่ควรเข้าไปอยู่เป็นเด็ดขาด

อันดับที่ 1 คือ ทะเลทราย Dasht-E Lut สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้คือ 70.56 องศาเซลเซียส

หรือโดยประมาณ 159 องศาฟาเรนไฮน์ ปัจจุบันครอบครองอันดับ 1 

อันดับ 2 เมือง Al Aziziyah รัฐลิเบีย อุณหภูมิสูงสุดที่เคยวัดได้คือ 58

องศาเซลเซียสหรือโดยประมาณ 136.4 องศาฟาเรนไฮน์

ซึ่งในอดีตสถานที่แ่ห่งนี้เคยครอบอันดับ 1 มาก่อนครับ

แต่ในปัจจุบันดูเหมือนจะถููกทำลายไปแล้วเรียบร้อย

อันดับ 3 หุบเขา Dead Valley สหรัฐอเมริกา

อุณหภูมิสูดสุดที่เคยวัดได้คือ 56.67 องศาเซลเซียส หรือ 134

องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 4 เมือง Ghadames รัฐลิเบีย อุณหภูมิสุดสุดที่เคยวัดได้ 55

องศาเซลเซียสหรือ 131 องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 5 เมือง Kebili สาธารณรัฐตูนิเซีย

อุณหภูมิสูงสุดที่เคยวัดกันได้ก็ประมาณ 55 องศาเซลเซียสหรือประมาณ

131 องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 6 เมือง Timbuktu สาธารณรัฐมาลี

อุณหภูมิสูงสุดที่เคยวัดได้ก็ประมาณ 54.5 องศาเซลเซียสหรือประมาณ

130.1 องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 7 เมือง Araouane สาธารณรัฐมาลี อุรหภูมิก็จะประมาณ 54.45

องศาเซลเซียสหรือประมาณ 130 องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 8 เมือง Tirat Zvi ประเทศรัฐอิสราเอล(The State of Israel) 

อุณหภูมิก็จะประมาณ 53.89 องศาเซลเซียสหรือโดยประมาณ 129

องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 9 เมือง Ahwaz สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน อุณหภูมิก็จะประมาณ

53.50 องศาเซลเซียสหรือประมาณ 128.3 องศาฟาเรนไฮน์

อันดับ 10 เมือง Agha Jari สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน อุณหภูมิก็ประมาณ

53.34 องศาเซลเซียสหรือประมาณ 128 องศาฟาเรนไฮน์

   ผมมีอีกคลิปที่น่าสนใจครับ

คือมีคนเยอรมันนีคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาเกี่ยวกับสาขาวิชา

อุตุนิยมวิทยา เขาเดินทางไปที่เมือง ๆ หนึ่งในประเทศรัสเซีย

เมืองนี้ดูเหมือนกับว่าจะเป็นเมืองที่หนาวที่สุดบนโลกนี้ที่มีคนอยู่อาศัย

ชื่อเมือง Oymyakon แคว้นไซบีเรีย

ที่เมืองนี้อุณหภูมิต่ำที่สุดที่เคยบันทึกได้อยู่ที่ ติดลบ 71.2 องศาเซลเซียส

หรือ ติดลบ 96.2 องศาฟาเรนไฮน์ วัดได้เมื่อปี ค.ศ. 1926 

        ก็เป็นคลิปการเดินทางธรรมดา ๆ ครับ

แต่มีบางจุดที่น่าสนใจอยู่เหมือนกันก็คือผลของอุณหภูมิภายในกับ

ภายนอก ผลของอุณหภูมิที่เย็นจัดที่มีต่อสิ่งของเสื้อผ้า

และผลของอุณหภูมิที่เย็นจัดที่มีต่อของร้อน ๆ

ซึ่งตรงนี้แล้วจะไปหาห้องแลปวิทยาศาสตร์พิสูจน์ก็ยากเหมือนกัน

และเข้าใจว่าจะต้องลงทุนสูงมาก ๆ ด้วยหากจะทำ ลองชมดูครับ

จุดที่น่าสนใจครับ

   ในคลิปนาทีที่ 4.22 อุณหภูมิในอาคารอยู่ที่ 17.8

องศาเซลเซียสโดยประมาณ เขาเปิดประตูออกมาภายนอกอาคาร

เทอร์โมมิเตอร์ของเขาวิ่งไปเรื่อย ๆ คือลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายอยู่ที่ติดลบ

47.5 องศาเซลเซียส

เพราะฉะนั้นอุณหภูมิระหว่างภายนอกอาคารกับภายในอาคารห่างกันก็น่า

จะประมาณ 65.3 องศาเซลเซียส

ซึ่งถือได้ว่าสุดขั้วทีเดียวหากเทียบกับประเทศไทย

     ในคลิปนาทีที่ 8.15 อุณหภูมิในห้องภายในอาคารวัดได้

25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายนอกอาคารวัดได้

ติดลบ 48 องศาเซลเซียส ชายคนนี้เขาจะลองเปิดหน้าต่างดูสัก

20 วินาทีครับว่าจะวัดอุณหภูมิในห้องได้เท่าไร ปรากฎว่าอุณหภูมิลงไปที่

17 องศาเซลเซียส หรือลดลงทันที 8 องศาเซลเซียสแค่

20 วินาทีเท่านั้นเอง

      ในคลิปนาทีที่ 25.50

ชายคนนี้เขาทดลองเทน้ำร้อนใส่ภาชนะเิปิดแล้วลองสาดน้ำขึ้นไปสูง ๆ

แล้วดูผลที่จะเกิดขึ้น ตอนนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณติดลบ 54

องศาเซลเซียสเศษ ๆ ครับ ผลก็คือก่อนที่ละอองน้ำจะตกถึงพื้น

มันกลายเป็นหิมะเสียก่อนแล้ว คือน้ำที่สาดขึ้นไปตกลงมาเป็นหิมะนั่นเอง

      ในคลิปนาทีที่ 27.21

ฝรั่งคนนี้เขาลองสาธิตวิธีการอาบน้ำตามแบบฉบับของคนเมือง

หนาวครับ วิธีการก็คือ

ถอดเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอกใช้หิมะถูร่างกายให้มากที่สุดและเร็วที่สุด

แล้ววิ่งกลับเข้าบ้านไปใ่ส่เสื้อผ้า ผมเคยถามฝรั่งมาแล้วครับ

เขาบอกว่าใช่ไม่ผิดต้องเป็นวิธีนี้

หากจะชำระร่างกายในอุณหภูมิที่หนาวขนาดนี้ คลาสสิคจริง ๆ 

      ในคลิปนาทีที่ 28.14 ชายคนนี้ถอด underware

ออกเพื่อนำมาตากในที่โล่งแจ้งภายใต้อุณหภูมิน่าจะประมาณติดลบ 50

องศาเซลเซียสเศษ ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วดูผลที่เกิดขึ้น

ผมไม่แน่ชัดว่าเขาเตรียมมันมากี่ตัว เพราะว่าหลังจากที่ตากไว้ประมาณ

10 นาที มันฉีกได้เหมือนฉีกกระดาษเลยครับ