ท่านเคยเห็นหน้าตามนุษย์ต่างดาวไหมครับ
ไม่แน่ใจว่าว่าคลิปวีดีโอนี้มาจากที่ใด
https://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&v=v6555Hr3Mj8&NR=1
แต่ดูคล้าย ๆ กับว่าจะรั่วไหลมาจาก
เคจีบี มันคือภาพถ่ายวีดีโอในอดีตที่นานมาแล้ว
แสดงถึงคณะทูตจากต่างโลก
ที่มีเจตนาส่งมาเจริญสัมพันธไมตรีกับมนุษย์ชาวโลก
ในวีดีโอนี้มีมนุษย์ต่างดาวเดินผ่านหน้ากล้อง ผมลองนับ ๆ
ดูแล้วมีประมาณ 7 คน ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ไม่มีการถูกขู่เข็น บังคับ
เอาปืนจี้หลังใด ๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งจุดนี้มันทำให้นึกไปถึงการเจริญสัมพันธไมตรี
ในตอนท้ายของวีดีโอเป็นการตรวจร่างกายคร่าว ๆ
วัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนัก
มนุษย์ต่างดาวดูไปแล้วหน้าตารูปร่างลักษณะ การเดิน คล้าย ๆ
กับมนุษย์โลกเหมือนกันครับ(ลักษณะภายนอกคล้าย ถึง 85 เปอร์เซ็นต์)
มีแขนมีขา เพียงแต่ว่าจะผิดรูปไปบ้างครับ เช่น ศีรษะโตกว่ามนุษย์มาก ๆ
แขนยาวถึงหัวเ่ข่า นิ้วยาว ผมขนตามร่างกายไม่มี ลูกตาโตมาก ๆ
มนุษย์ต่างดาวสายพันธ์นี้ถูกเรียกว่าเป็นสายพันธุ์ Zeta Reticulan
ซึ่งจะเป็นอีกคนละสายพันธุ์กัับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Gray Alien
แต่มนุษย์ต่างดาวทั้งสองสายพันมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน คือ
มาจากกลุ่มดาว Zeta Reticuli เป็นกลุ่มดาวคู่
อยู่ห่างจากโลกไปประมาณ 39 ปีแสง(แสงใช้เวลาเดินทาง 39 ปี)
ซึ่งในทางดาราศาสตร์ถือว่าเป็นระยะทางที่ไม่ไกลเลย
จากการตรวจสอบแล้วมนุษย์ต่างดาวทั้งสองสายพันธุ์นี้ดูเหมือนจะมีความ
สัมพันธ์กันอยู่ แต่ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก
ความต่างกันก็คือมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan
จะดูมีความคล้ายกับมนุษย์บนโลกมากกว่า มองเห็น ตา จมูก ปาก
และมีการสวมใ่ส่เสื้อผ้า
ลักษณะที่ปรากฎโดยทั่วไปแล้วมีตาที่ใหญ่มากและเป็นตาดำล้วนไม่มี
ตาขาว ไม่มีรูม่านตา
มีศีรษะที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดร่างกายโดยที่ไม่ปรากฎว่า
มีขนหรือผมแต่อย่างใด
ไม่มีใบหูที่ชัดเจน แต่เป็นลักษณะเป็นติ่ง Bumps มีความสูง
โดยประมาณ 3 ฟุต เมื่อยืน มีนิ้วมือ 4 นิ้วที่ยาว
มีจมูกที่เล็กมากเมื่อเทียบกับจมูกมนุษย์ ถ้าว่าไปตามวิชาชีววิทยาที่เรียน
ๆ กันมาตอนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัยแล้ว
โครงสร้างที่ลดรูปลงไปบ่งบอกถึงวิวัฒนาการที่เจริญกว่า
ตรงนี้พิสูจน์ได้โดยการศึกษาซากดึกดำบรรพ์(Fossil)
สิ่งมีชีวิตบางชนิดครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีขนาดที่ใหญ่มีนิ้วที่มาก
พอมาถึงปัจจุบันมีขนาดที่ย่อลง มีจำนวนนิ้วที่ลดลง เป็นต้น
มนุษย์่ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan
มีการแต่งกายสวมใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย
ลักษณะชุดที่ใส่เป็นชุดสีเงินติดกัน(ฝรั่งเรียกชุดแบบนี้ว่า Jumpsuits)
ชุดที่สวมใส่นี้ครอบคลุมแทบจะทั้งร่างกายทั้งท่อนบนและท่อนล่างจนถึง
คอด้านล่าง เปิดเพียงศีรษะ ใบหน้า คอด้านล่างและเท้า
ในปี 2011 มีคลิปวีดีโออยู่ชุดหนึ่งมีหลายคลิปเหมือนกัน ถูก Upload
ขึ้นบน Youtube โดยชายคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า Ivan 0135
ซึ่งคลิปวีดีโอนี้ดูเหมือนกับว่าจะเชื่อมโยงได้กับหน่วยข่าวกรองกลางของ
รัสเซียหรือ KGB ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่ามี Logo ของ KGB อยู่ใน
ตอนต้น ๆ ของคลิปนี้
ในคลิปวีดีโอแรกที่ถูก Upload ขึ้นยูทูปโดยผู้ที่ใช้นามปากกาแฝง
Ivan 0135 ไม่ให้คำอธิบายใด ๆ ในคลิปนี้ว่ามาจากที่ใด แหล่งใด
แต่ทิ้งข้อมูลบางอย่างในคลิป โดยเขียนขึ้นว่า
Filtrate for declassification and dissemination through the
internet and media.
7 video tapes with material recorded between 1942 - 1969.
Material containing UFO incidents, Recovery and study of
extraterrestrial life forms.
Due to the importance of these documents, maintain the
anonymity of the sources.
คลิปวีดีโอดังกล่าว เป็นไฟล์วีดีโอที่ถูกบันทึกได้ระหว่างปี
ค.ศ. 1942 - 1969 เป็นคลิปเก่าพอควร
ท่านลองอ่านข้อความด้านล่างครับ
ว่ามีเหตุผลแค่ไหนกับวีดีโอชุดนี้ที่กล่าวถึงการเจริญสัมพันธไมตรี
From the first contact in 1942, a series of diplomatic visits to
discuss matter of mutual concern were planned. Under the treaty
23/04, these meetings would take place in secrecy, a limited number
of special agents would escort visitors and they would only meet
high ranking officers.
According to the document 072/E, at the meeting of 1961 there
was an incident involving 3 subjects due to the violation of the
agreement by the officers at the military base when they discovered
that their arrival was been film with a hidden device without their
consent.
Under the treaty 23/04, the meeting would be confidential and
filming or taking photographs would not be allowed.
After the incident, the treaty was revised.
จากการพิสูจน์ตรวจสอบ แล้ว มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan
นี้มีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและเทคโนโลยี
ที่เจริญกว่ามนุษย์บนโลกนับได้หลายล้านปี
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้มีความไม่ธรรมดา
เพราะว่ามีส่วนในการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในมิติที่ 3 (Third Dimension)
ซึ่งก็จะหมายถึงมนุษย์ด้วย อธิบายก็คือ ปัจจุบัน
นักวิทยาศาสตร์เริ่มจะยอมรับกันแล้วว่าในจักรวาลนี้
ไม่ใช่จะมีเพียงสิ่งที่ตาเรามองเห็น แต่สิ่งที่ตาเรามองไม่เห็นนั้นมีอยู่เช่นกัน
เรียกกันว่า มิติ แสงมีหลายความถี่สิ่งนี้พิสูจน์ได้ด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
เสียงมีหลายความถี่พิสูจน์ได้ด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เช่นกัน เช่น
วิทยุสื่อสารเครื่องหนึ่งจะสามารถสื่อสารได้หลาย Channal
ซึ่งหากท่านเืลือกที่จะสื่อสารด้วย Channal หนึ่งแล้ว Channal อื่นจะรับฟัังไม่ได้
เช่นเีดียวกันกับจักรวาลนี้
สิ่งที่เรามองเห็นเรียกว่าเป็นเพียงหนึ่งมิติเท่านั้นก็คือมิติที่เราอยู่ อาศัยอยู่
แต่ว่ามิติอื่นในจักรวาลมีเช่นกัน เรียกว่าเป็น Dimensions
นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเขาสรุปว่า
ในจักรวาลนี้เท่าที่สามารถจะตรวจสอบได้แล้วมีอยู่ในประมาณ 11 Dimensions
มนุษย์อยู่ใน 1 ใน 11 Dimensions นี้ ตรงนี้มีความเป็นไปได้เช่นกัน
แต่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ เช่น ในคัมภีร์โบราณของบางศาสนา เรียก
Dimensions ว่าเป็นทวีปก็มี เช่น มนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่ในส่วนของชมพูทวีป
แต่ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในทวีปอื่น(มิติอื่น) อีกเช่นกัน
ก็คืออยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน แต่ว่าอยู่อีกคนละมิติ คนละ Channal
เรียกโดยย่อว่าเป็น "โลกซ้อนโลก"
ในประเทศไทยก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเข้าในสถานที่บางแห่งแล้วดูแปลก ๆ
ไม่เหมือนโลกเรา เจอคนที่ดูแปลก ๆ เรียกว่าเป็นคนบังบด เป็นมนุษย์เหมือนเรา
ดำรงชีวิต รับประทานอาหารเหมือนเรา
สิ่งที่แปลกก็ืคือเขามีความสามารถพิเศษที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราทำไม่ได้ เช่น
การสื่อสารทางจิตโดยไม่ต้องพูดจา การมีจิตรับรู้เรื่องบางอย่างได้
เขาอยู่ในอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นสถานที่เดียวกับเรา
เพียงแต่ว่าเราจะข้ามเข้าไปใน Dimensions ของเขาไม่ได้เท่านั้นเอง
เพราะว่าเราอยู่ใน Dimensions ที่ต่ำกว่าเขา แต่เขาเข้ามาใน Dimensions
ของเราได้ เพราะว่าเขาอยู่ใน Dimensions ที่สูงกว่าเรา
เรื่องของ Dimensions นี้มีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเป็นลูกครึ่ง
อเมริกัน - ญี่ปุ่น ท่านอธิบายได้ดีมองเห็นภาพ และน่าคล้อยตาม
ท่านผู้นี้ชื่อ ศาสตราจารย์ มิชิโอะ คะกุ
ปัจจุบันเป็นนัักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีสอนอยู่ที่ City College of New York
ก็คืออาจารย์ท่านยกตัวอย่างอธิบายว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกล้วนแล้วแต่มี
Dimensions ของเผ่าพันธุ์ตนเอง มนุษย์อยู่ใน Dimensions หนึ่ง
สัตว์ชนิดอื่นเช่นปลาในมหาสมุทรก็อาศัยอยู่ใน Dimensions ของมัน
ปลาในวงชีวิตของมันเกิด เติบโต และตายก็อยู่ในมหาสมุทร
ไม่สามารถจะขึ้นมาจากน้ำได้ เพราะว่าปลาเป็นสัตว์น้ำโดยกำเนิด
หากว่าเราไปถามปลาว่าโลกคืออะไรประกอบไปด้วยอะไร
ปลาก็ต้องตอบว่าก็คือน้ำ ก็คือสัตว์ทุกชนิดที่อยู่ในน้ำที่พบเห็นทุกวัน
รวมทั้งพืชพรรณที่พบเห็นอยู่ในน้ำ ภูเขาใต้น้ำ
ทรัพยากรธรรมชาติที่พบเห็นอยู่ในน้ำ และด้านบนเบื้องบนน้ำก็คือท้องฟ้าที่
เห็น ๆ กันอยู่ทุกวัน
การเดินทางในน้ำก็อาศัยคลีป อาศัยหาง สามารถจะเดินทางไปข้างหน้า
ไปข้างล่าง ว่ายขึ้นไปข้างบน ว่ายลงไปข้างล่างได้
ปลาในมหาสมุทรตอบเช่นนี้ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง
เพราะว่าปลาเห็นอะไรเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เกิดจนตาย
แต่ว่าถ้าหากเรานำคำถามนี้มาถามกับคนแล้ว คำตอบนี้ถูกต้องเช่นกัน
แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะว่าคนอยู่ใน Dimensions ที่สูงกว่าปลา
เรามองเห็นอะไรได้มากกว่าที่ปลาเห็น
ถึงแม้ว่ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่ไพศาลกินพื้นที่ถึง 2 ใน 3 ของโลก
แต่ว่าโลกของเรานี้ไม่ใช่มหาสมุทรทั้งหมด
มีอะไรเยอะแยะมากมายที่ปลายังมองไม่เห็น เช่น บนบกมีอะไรบ้าง
บนบกยังมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นหลายชนิดที่ปลามองไม่เห็น
การเคลื่อนที่ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะ้ต้องว่ายน้ำ สามารถเดิน วิ่ง ไปทางรถยนต์
ไปทางเครื่องบิน ไปทางจรวด บนท้องฟ้าไม่ใช่มีแค่ที่ปลาเห็น
ยังมีท้องฟ้าบนบกอีก
ท้องฟ้านี้สามารถจะกินพื้นที่กว้างใหญ่ออกไปจนถึงอวกาศได้
คนสามารถจะลงใน
Dimensions ของปลาได้ คือลงไปอยู่ในน้ำได้ ว่ายน้ำได้ สำรวจใต้น้ำได้
รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปลารู้
แต่ว่าปลาซึ่งอยู่ใน Dimensions ที่ต่ำกว่าคนจะขึ้นจะเข้ามาใน Dimensions
ของเราไม่ได้จึงยังมองอะไรอีกมากมายไม่เห็น มีวิธีเดียวที่ปลาจะเห็นได้ก็คือ
คนนำปลาขึ้นมาจากน้ำนั่นเอง ปลาถึงจะเห็น คำถามเดียวกันว่าโลกคืออะไร
จักรวาลคืออะไร หากคนนำไปถามสิ่งมีชีวิตที่เจริญกว่าเราหรืออยู่ใน
Dimensions ที่สูงกว่าเราแล้ว
คำตอบที่ได้ก็ย่อมที่จะละเอียดกว่าที่เราจะตอบได้เพราะว่าเขาเห็นอะไรมากกว่า
เจริญมากกว่า มีวิวัฒนาการที่สูงกว่า ทำได้ในสิ่งที่เรายังทำไม่ได้
ฉะนั้นแล้วในทางทฤษฎีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใน Dimensions
ที่สูงกว่าเรา(Higher Dimensions) มีจริงในทางทฤษฎี
มีตัวตน แต่ว่าพิสูจน์ไม่ได้ เขาเจริญกว่า เดินทางเข้ามาหาเราได้
แต่ว่าเราไปหาเขาไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
ที่ถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่บนโลก อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ มีเทคโนโลยีที่ยังจำกัด
ดำรงชีวิตบนโลกตั้งแต่วันแรกที่เกิด
จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ตายก็ยังคงอาศัยอยู่บนโลก
เพียงแต่ว่าบนโลกใบนี้คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใน Dimensions ที่สูงที่สุดนั่นเอง
นอกเสียจากว่าเราจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนมีเทคโนโลยีที่สูงกว่านี้
เราจึงจะสามารถออกจาก Dimensions ของเราและไปยัง Dimensions
ที่สูงกว่าเราได้ หรือมิเช่นนั้นก็คือรอให้สิ่งมีชีวิตที่มาจาก Dimensions
อื่นที่สูงกว่าเรามาหาเรา แล้วถามเขา เรียนรู้จากเขาให้เขาอธิบายให้เราฟัง
ให้เขาพาเราไปยัง Dimensions ของเขา เราจึงจะมองภาพออก
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan นี้ ตามการสืบค้นอยู่ใน
Dimensions ที่สูงกว่าเรา ความสามารถในการสื่อสารทางจิตไม่แน่ชัดนัก
แต่ว่าสามารถสื่อสารทางเสียงได้ เป็นเสียงลักษณะ High pitch
เนื่องจากเขาไม่มีเส้นเสียงจึงออกเสียงหลาย ๆ เสียง หลาย ๆ
โทนเสียงเหมือนเราได้
แต่สำหรับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Grays สามารถสื่อสารทางจิตได้
การสื่อสารทางจิตภาษาอังกฤษเรียก Telepathic ภาษาไทยเรียก โทรจิต
ทั้งนี้ยังมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุไปยังจุดที่ต้องการได้โดยไม่ต้อง
อาศัยการเดินทาง คือให้วัตถุหายจากจุดหนึ่งและไปปรากฎยังอีกจุดหนึ่งได้
ภาษาอังกฤษเรียก Telekinetic ไม่แน่ใจคำนี้ในภาษาไทยเรียกว่าอะไร
ดังนั้นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้สามารถจะเดินทางข้าม Dimensions ได้
คือเขาจะสามารถเข้ามาใน Dimensions ของเราได้ อยู่อาศัยได้
และเดินทางข้าม Dimensions ไปยัง Dimensions ที่สูงกว่าเราได้
ฝรั่งบอกว่ามนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่ใน Fourth Dimensions หรือ
มิติที่ 4 ไม่เพียงเ่่ท่านั้นเขายังสามารถพาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใน Dimensions ที่ 3
ข้ามไปยัง Dimensions ที่ 4 ได้ด้วย
โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงความถี่ของจักรวาลซึ่งยากนักต่อการเข้าใจ
จากประสบการณ์การพบเห็นยูเอฟโอของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้พบว่า
บางครั้งแล้ว ยานพาหนะของเขาที่มนุษย์มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อยู่ดี ๆ
กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่ไม่สามารถอธิบายได้
หรือบางทีมองเห็นอยู่จุดหนึ่งแล้วก็หายไปจากจุดนั้นและไปปรากฎอยู่ยังอีกจุด ๆ
หนึ่ง
ท่านครับมีคนนำคลิปวีดีโอนี้มาวิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือ
อยากให้ท่านชมข้อสรุปครับ มีผู้สรุปคลิปนี้ 2 ท่านครับเท่าที่ผมหาได้ตอนนี้
ท่านแรกจะวิเคราะห์แฟรมของวีดีโอ
และหาความเป็นไปได้ว่าเป็นการทำขึ้นได้ไหม
ในส่วนของคลิปที่สองเป็นการวิเคราะห์บุคลิกลักษณะของมนุษย์ต่างดาว
การขยับร่างกาย การกระพริบตา การเคลื่อนไหวของร่างกาย
ว่าน่าจะถ่ายมาจากวัตถุจริงไหม
บทสรุปคลิปแรก
ถ้าหากเป็นการสร้างฉากขึ้นแล้วต้องการเป็นการลงทุนทำด้วยทุนมหาศาล
ทีเดียว ย้อนกลับไปในปี 1940 ถึงปี 1960 ยังใช้ฟิล์มขนาด 8 และ 16
มม.กันอยู่ ซึ่งค่าความเร็วของโปรเจ็คเตอร์(Projector Speed) จะอยู่ที่ 18
แฟรมต่อวินาทีหรือมากกว่านี้ แต่ในคลิปนี้ให้ลองดูจุดพีคต่อวินาทีนี้ว่าจะอยู่ที่
12 / sec(ซึ่งฟิล์มจะไหม้ก่อน) ซึ่งถ้าจะให้ได้ 18แฟรม/sec ก็ต้องคูณด้วย 1.5
ซึ่งในคลิปนี้คนพิสูจน์เขานำมาเข้าโปรแกรมใหม่ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่
สุด จากการพิสูจน์ในจุดนี้ทำให้เขาทราบได้ว่าคลิปนี้เป็นของจริง คือเก่าจริง
ถ่ายด้วยกล้องในสมัยเมื่อ 60 กว่าปีก่อนจริง ไม่ใช่เป็นคลิปที่เพิ่งจะถูกผลิตขึ้น
(แต่คล้าย ๆ กับว่าคลิปนี้จะถูกตัดออกเป็นบางส่วนไป)
บทสรุปคลิปที่สอง ดูจากลักษณะการกระพริบตา การเคลื่อนไหว สีผิว
ความกลมกลืนแล้ว ยากที่จะเป็นการทำเลียนแบบ