ยูเอฟโอโบราณที่อยู่บนดวงจันทร์ โครงการอพอลโล 20
เรื่องนี้อยากให้ท่านใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ
เพราะไม่มีหน่วยงานใดออกมารองรับความถูกต้อง
แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางประเทศมหาอำนาจออกมาปฎิเสธเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ได้
จึงขอนำเสนอเพื่อให้ท่านชมเพื่อความบันเทิงครับ
เรื่องนี้ปรากฎในเวบมาหลายปีเหมือนกันครับ ตอนแรก ๆ
ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะไปเชื่อกันเท่าไรนัก เพราะมันดูเป็นนิยายเสียมากกว่า
จนกระทั่งเกิดการเสียสตางค์ซื้อฟิลม์จากแหล่ง
มาทำการขยายภาพและประมวลเรื่องราวทั้งหมด
จึงพอคิดว่าน่าจะพอเชื่อถือได้บ้างกับเรื่องนี้
มีชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเคยทำงานให้กับองค์การบริหารการบิน
ก็นานมาแล้วเหมือนกันประมาณช่วงปลาย ๆ ทศวรรษ 1970 เขาชื่อคุณวิลเลียม
รัชเลต(William Rutledge)
ปัจจุบันเขาเกษียณแล้วและดูเหมือนกับว่าอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา
เขาอ้างว่าเขาได้เคยทำงานในปฎิบัติการสำคัญขององค์การบริหารการบินเลยทีเดียว
คือภารกิจ อพอลโล 19 และอพอลโล 20 ซึ่งเกิดขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม 1976(เกือบ 40
ปีแล้ว) ปฎิบัติการนี้ถูกส่งขึ้นจากฐานทัพอากาศ Vandenberg
ภารกิจทั้งสองนี้
คุณรัชเลตกล่าวอ้างว่าเป็นภารกิจร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียต
ภารกิจนี้มีจุดประสงค์เพื่อไปสำรวจยานอวกาศไม่ทราบสัญชาติขนาดใหญ่และำก็เป็นยานอว
กาศที่ไม่ใช่มนุษย์ทำขึ้น บนด้านไกล(ด้าน Far side)
ของดวงจันทร์ที่อยู่ในส่วนที่เรียกว่า Delporte-Izsak region
ซึ่งถูกถ่ายภาพไว้ได้ตั้งแต่โครงการอพอลโล 15 แล้ว
ยานอวกาศลำนี้เข้าใจว่าจะตกหรือถูกทิ้งไว้เช่นนั้นมานานแสนนานแล้ว
ซึ่งจากการตรวจสอบวัตถุธาตุด้วยกรรมวิธี คาร์บอน-14
แล้วพบว่าวัตถุที่ตรวจพบมีอายุอยู่ในช่วง 1,499,988 ปี(
หนึ่งล้านสี่แสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบแปดปี
ยานอวกาศลำนี้จะไปเรียกว่าใหญ่คงไม่ถูกต้องนักครับ เพราะมันควรจะต้องเรียกว่า
"มหึมา" ก็ขอให้ท่านเทียบขนาดของยานลำนี้เมื่อเทียบกับเรือควีนแมรี่
หรือไปเทียบกับหอไอเฟลดูเองครับ ยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ ส่วนสูงก็ประมาณ 0.5
กิโลเมตร หรือถ้าเอาไปเทียบกับเมืองใหญ่ ๆ ในสหรัฐอเมริกาก็ประมาณนี้ได้ครับ
คุณรัชเลตกล่าวต่อไปว่า นักบินอวกาศของโซเีวียตที่ชื่อ Lexei Leonov
นำยานอวกาศ(ของโซเวียตผลิต)
ลงจอดในจุดที่ใกล้กับยานลำนี้และได้เข้าไปในยานลำนี้จริง ๆ
โอเคได้พบเห็นอะไรหลายอย่างในยานอวกาศลำนี้ และที่น่าแปลกใจกว่านั้นอีกคือได้เจอคน
คนที่หน้าตาเหมือนคนบนโลกนี่ละครับ แต่เสียชีวิตไปแล้วอยู่บนยานลำนี้
เข้าใจกันว่าเป็นนักบินของยานลำนี้
ศพแรกเป็นสุภาพสตรีอยู่ในสภาพที่เรียกว่าค่อนข้างดีเลยครับ อวัยวะอยู่ครบเกือบทุกส่วน
สูงโดยประมาณ 165 เซ็นติเมตร อวัยวะเพศ ผม นิ้วมือมี 6 นิ้วยังอยู่ครบ
ส่วนอีกศพ ถูกย่อยสลายไปพอควรแล้ว เหลือแต่ศีรษะ
ศพของสุภาพสตรีท่านนี้ภายหลังถูกตั้งชื่อว่า "Mona Lisa."
ดูเหมือนบริเวณนิ้วมือและตาจะมีลักษณะเป็นอุปกรณ์บังคับยานติดอยู่ด้วย
มีจมูกไม่พบรูจมูก นักบินคนหนึ่งไปถอดอุปกรณ์ที่ตาของศพหญิงคนนี้
ปรากฎว่ามีของเหลวไหลทะลักออกมาทางปาก เขารายงานกลับไปยังศูนย์ควบคุมว่า
ดูคล้าย ๆ กับว่าเธอทั้งไม่เป็นและทั้งไม่ตายเพราะสภาพที่เห็นดีมาก
ทั้งนี้ยังพบเห็นวัตถุแปลก ๆ ติดอยู่บนใบหน้าของศพหญิงคนนี้ด้วย โดยติดอยู่ที่ตา
เชื่อมลงมาที่ปากและหน้าผาก
ถ้าพิจารณาใบหน้าของหญิงคนนี้ให้ดีจะพบว่าเป็นส่วนผสมของคนเอเชียกับคนแอฟริกาค
รับ คือมีดวงตาเล็กเรียวเหมือนหญิงคนเอเชีย
ในขณะที่มีริมฝีปากที่ใหญ่หนาคล้ายคนแอฟริกา
ทั้งนี้การถักผมก็คล้ายคนสุเมเรียนซึ่งเป็นคนเผ่าแอฟริกา(ฝรั่งเขาว่างั้น)
คาดกันว่าเป็นอุปกรณ์ควบคุมยานลำนี้ด้วยระบบโทรจิต(Telepathic)
ศพสุภาพสตรีคนนี้เปลือยครับ
แต่มีวัตถุบางอย่างคล้ายกับผ้าคลุมร่างนี้ไว้ วัตถุคล้าย ๆ
ผ้านี้ตอนหลังถูกนำไปตรวจสอบพบว่าในวัตถุมีผังวงจรที่ซับซ้อนอยู่ในนั้นด้วย
ยานอวกาศลำนี้นักบินอวกาศของรัสเซียประมาณการว่ามีอายุอยู่ในช่วง 1 - 1.5 ล้านปีี
พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนยานลำนี้ พบพืชโบราณ ฟังดูเหมือนนิยาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือเท็จนั้น ภาพที่ยานอวกาศอพอลโล 15
ถ่ายได้ว่ามียานอวกาศบนด้านไกล(far side)
ของดวงจันทร์นี่เจ้าของเรื่องยืนยันเป็นภาพจริง
https://www.youtube.com/watch?v=DKLHDlmHkHg
โครงการอพอลโล 20, ภารกิจอพอลโล 20
(Apollo 20 mission)
เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะพอสรุปได้ดังนี้ โครงการอพอลโลตั้งแต่เริ่ม
แรกเลยเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1961 จนถึงปี ค.ศ.1972 โครงการที่
มีชื่อเสียงที่สุดเลยก็น่าจะเป็นโครงการอพอลโล 11 ซึ่งก็คือมีคุณนิว
อาร์มสตรอง ซึ่งเป็นมนุษย์โลกคนแรกสุดที่ได้ย่ำเท้าเหยียบบนดวง
จันทร์ ส่วนโครงการสุดท้ายที่มีการส่งคนไปดวงจันทร์ก็คือโครงกา
รอพอลโล 17 โครงการอพอลโล 18 อพอลโล 19 อพอลโล 20 ตาม
ประวัติที่เป็นทางการแล้วถูกยกเลิก เนื่องด้วยเหตุผลนานัปการ
เหตุผลหลัก ๆ ที่นำการกล่าวอ้างคือขาดเงินทุน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่
จำเป็นต้องมีและจำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนมากด้วย
แต่ว่าในปี ค.ศ.2007 มีชายลึกลับคนหนึ่งออกมากล่าวอ้างว่า
เขาเป็นอดีตนักบินอวกาศของกองทัพสหรัฐฯ และกล่าวว่าแท้ที่จริง
แล้วโครงการ
อพอลโล 18 โครงการอพอลโล 19 และโครงการอพอลโล 20 แท้ที่
จริงแล้ว มีอยู่จริง เป็นโครงการที่เคยเกิดขึ้นจริง เพียงแต่ที่เปิดเผย
ไม่ได้ก็เป็นเพราะว่าเป็นโครงการลับสุดยอดนั่นเอง สาเหตุที่ชายผู้นี้
ทราบได้นั่นก็ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะว่าเขานี่เองละเกี่ยวข้องกับ
โครงการนี้และเป็นถึงระดับผู้บัุญชาการโครงการเลยทีเดียว ซึ่ง
โครงการที่ว่านี้คือโครงการอพอลโล 20 สาเหตุหลักที่ต้องเป็นความ
ลับก็คือ มีการพบเห็นอะไรบางอย่างบนดวงจันทร์ซึ่งน่าทึ่งเสียจนไม่
สามารถจะอธิบายได้
จุดประสงค์หลักของโครงการอพอลโลคือการส่งยานอวกาศและ
มนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ ความสำเร็จแรกสุดที่ทำได้ก็คือวันที่ 20
กรกฎาคม ค.ศ.1969 คุณ Neil Armstrong คือมนุษย์คนแรกที่ได้
ย่ำเท้าลงบนดวงจันทร์ เรียกโครงการที่ทำสำเร็จในวันนั้นว่าโครงกา
รอพอลโล 11 โครงการที่ต่อจากโครงการอพอลโล 11 ก็คือโครงกา
รอพอลโล 12 ก็ทำปฎิบัติการสำเร็จเช่นกัน โครงการอพอลโล 13
ถูกยกเลิกกลางคันเนื่องจากเกิดความผิดพลาดขัดข้องตอนที่อยู่ใน
อวกาศ สำหรับโครงการอพอลโล 14, 15, 16 และ 17 ทำปฎิบัติการ
ได้สำเร็จ
โครงการอพอลโล 18, 19 และ 20 เป็นโครงการลับ(ตามที่ชาย
ผู้นี้กล่าวอ้างและใช้เงินจากในส่วนที่เรียกว่า Black Budget
Program) ซึ่งก็คือในปี ค.ศ.2007 ที่กล่าว ชายลึกลับผู้นี้ใช้
นามแฝงในยูทูปว่า RETIREDAFB ชายลึกลับผู้นี้ลงคลิปวีดีโอที่
สร้างความแปลก ฉงน และน่าสงสัยเป็นอย่างมากกับผู้ที่เข้าชม มัน
เป็นคลิปสั้น ๆ ครับที่แสดงให้เห็นถึงภายในของยานอวกาศในโครง
การอพอลโล มันดูเป็นช่องที่มีขอบสีส้ม ช่องนี้คือหน้าต่างของยาน
อวกาศในโครงการอพอลโลนั่นเอง รวมถึงยังพอจะมองเห็นอุปกรณ์
ข้างเคียงชิ้นอื่น ๆ ตรงนี้คนชมวีดีโอแน่นอนกล่าวว่าคุณกุเรื่องขึ้นมา
หรือเปล่า คุณเป็นเพียงแค่คนธรรมดาจะขึ้นไปอยู่ในกระสวยอวกาศ
ของโครงการอพอลโลได้อย่างไร และอุปกรณ์ที่คุณถ่ายมามันมาได้
อย่างไร ใครเป็นผู้อนุญาตให้คุณถ่ายและนำมาเผยแพร่ ภาพที่เห็น
มันเป็นของจริงหรือเปล่า ฯลฯ เยอะแยะสารพัดคำถาม
แต่เมื่อลองตรวจสอบในเชิงลึกเมื่อนำภาพนี้มาเทียบกับภาพจริง
แล้ว พบว่ามันถูกต้อง เป็นอุปกรณ์เดียวกัน ชิ้นเดียวกัน อยู่ใน
ตำแหน่งที่ถูกต้อง อีกอย่างแผงคอนโทรลในคลิปก็ถูกต้องอยู่ใน
ตำแหน่งเดียวกัน เพียงแต่ที่ทำให้คลิปนี้ดูแปลกก็คือมันไม่ใช่คลิปที่
องการบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ นำมาเผยแพร่ต่อ
สาธารณชน(อย่างเป็นทางการ) ซึ่งก็เลยงง ๆ กันว่าชายประหลาด
คนนี้ไปนำคลิปนี้มาจากที่ไหน
อีกจุดหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากก็คือ สัญลักษณ์หรือ
เครื่องหมายที่เกี่ยวกับกับปฎิบัติการในไฟล์ทบินนี้ ที่เห็นในคลิป จะ
เป็นภาพของธงชาติสหรัฐฯ และธงชาติสหภาพโซเวียต บนแผ่น
เดียวกันคือเป็นเนื้อเดียวกันเพียงแต่แบ่งครึ่ง ครึ่งบนเป็นธงชาติ
สหรัฐฯ ส่วนครึ่งล่างเป็นธงของสหภาพโซเวียต ในส่วนของป้ายที่
อยู่ข้างล่างธงชาติจะเป็นป้ายของปฎิบัติการนี้ ตัวหนังสือบนภาพ
เขียนว่า APOLLO 20 ซึ่งก็น่าจะเป็นชื่อของปฎิบัติการในไฟล์ทบินนี้
ด้านล่างสุดเป็นชื่อสามชื่อ ซึ่งก็น่าจะเป็นชื่อคนหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว
ข้องกับปฎิบัติการนี้ อ่านได้ว่า Rutledge, Snyder, Leonov
ซึ่งก็สุดท้ายชายปริศนาคนนี้ยอมรับโดยกล่าวอ้างว่า ก็คือเขานี่เอง
ละครับที่ชื่อคุณ William Rutledge ซึ่งเป็นหนึ่งในสามชื่อที่ปรากฎ
อยู่ เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และยังเป็นผู้
บัญชาการบนยานอวกาศลำนี้ โครงการอพอลโล 20 ด้วย ตรงกลาง
ของภาพจะเป็นวัตถุอะไรก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน ดูยาว ๆ คล้าย ๆ
กับเรือดำน้ำที่มีสายเคเบิ้ลของยานอวกาศยึดไว้อยู่ ซึ่งวัตถุ
ประหลาดที่ว่านี่ละก็คือจุดประสงค์หลักของปฎิบัติการนี้
ยานอวกาศของโครงการอพอลโล 15 ถูกส่งไปยังดวงจันทร์ในปี
ค.ศ.1971 ยานอวกาศของโครงการนี้ถ่ายภาพดวงจันทร์มาได้เยอะ
มาก ซึ่งบางภาพดูแล้วแปลกมากจนยากที่จะเชื่อ ซึ่งภาพที่ระบุเป็น
หมายเลข AS15-P-9630 เป็นหนึ่งในภาพที่น่าทึ่งที่สุด เป็นภาพที่
แสดงถึงพื้นผิวของดวงจันทร์บางจุดในส่วนของด้านไกลของดวง
จันทร์ คือด้านที่ไม่หันเข้ามาโลก (Far side) ภาพนี้ถ้าเป็นคนทั่วบน
โลกทั่วไปดูผิวเผิน จะดูไม่ผิดปกติแต่อย่างใด แต่สำหรับนัก
วิเคราะห์ภาพถ่าย หรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายภาพ
หรือวิเคราะห์ภาพมาเห็นแล้ว จะบอกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ดู
แปลก เพราะถ้านำบางจุดในภาพมาขยายให้ใหญ่ขึ้นแล้ว เราจะเห็น
วัตถุบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นก้อนหินได้ รูปร่างมันดูคล้ายกับเรือดำ
น้ำมาก ๆ
คะเนความยาวได้ประมาณ 2 ไมล์ ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะมาประสบ
เหตุหรือตกลงบนดวงจันทร์นานมาแล้ว นานมาก ๆ เลยก็ว่าได้ ก็คือ
ทางคุณ William Rutledge ได้ให้ภาพและข้อมูลอีกหลายอย่างที่
ฟังดูแล้วน่าสนใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะมีกี่คนที่จะเชื่อในสิ่งที่เขา
เล่า เขาเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของปฎิบัติการอพอลโล 20 นี้ไว้ ในปี
ค.ศ.1971 หน่วยงานหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต ชื่อ The Soviet
Academy of Science ติดต่อมายังประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ใน
เวลานั้น นั่นคือคุณ Richard Nixon ด้วยข้อเสนอบางอย่าง ก็คือว่า
ทางฝ่ายโซเวียตสามารถถ่ายภาพวัตถุบางอย่างบนดวงจันทร์ได้ จะ
โดยยานอวกาศของเขาเองหรือถ่ายได้จากบนพื้นโลกไม่แน่ชัด
ภาพเหล่านี้ดูแล้วแปลกมาก ๆ เช่น ดูคล้ายกับเมืองที่อยู่บนดวง
จันทร์ เพียงแต่ขีดความสามารถที่จะส่งยานอวกาศแล่นลงจอดเพื่อ
ไปสำรวจบนพื้นดวงจันทร์ในจุดที่ต้องสงสัยแล้ว ความสามารถตรง
จุดนี้โซเวียตมีน้อยกว่าสหรัฐฯ(ในยุคสมัยนั้น) ก็ในอดีตเคยมีความ
ร่วมมือโครงการทางด้านอวกาศระหว่าง สหรัฐฯและสหภาพโซเวียต
เรียกโครงการ Apollo-Soyuz
สหภาพโซเวียตมีข้อเสนอใหม่ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าสหรัฐฯ จะ
สนใจไหม นั่นคือจะมีปฎิบัติการที่จะส่งนักบินอวกาศคนหนึ่ง ชื่อ
Alexei Leonov ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของยานอวกาศโซยูซ เดินทาง
ไปกับนักบินอวกาศของสหรัฐฯ ที่ได้รับการคัดเลือกจากทางสหรัฐฯ
เอง เพื่อไปสำรวจจุดที่ว่ามีความแปลกจากการตรวจสอบจาก
ภาพถ่ายที่เคยได้ ๆ กันมา
ซึ่งตรงนี้คุณ William Rutledge กล่าวว่า คุณวิลเลียมคือหนึ่ง
ในสองของนักบินอวกาศสหรัฐฯ ที่ถูกคัดเลือก ส่วนนักบินอวกาศ
ของสหรัฐฯ อีกคนที่ถูกคัดเลือกชื่อคุณ Leona Snyder และก็ไป
รวมกับนักบินโซเวียตอีกคนคือคุณ Alexei Leonov รวมทั้งหมดก็
สามคนพอดี คุณ Leona Snyder จะทำหน้าที่เป็นนักบิน(Pilot) ใน
วันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ.1976 ช่วงเวลากลางคืน กระสวยอวกาศที่มี
ภารกิจกับปฎิบัติการลับที่กล่าวถึงนี้ถูกส่งออกจากพื้นผิวโลกด้วย
จรวด Saturn V ทั้งหมดข้างล่างนี้เป็นคำบรรยายของคุณ William
Rutledge ในวันนั้น เขาอธิบายความรู้สึกได้ดีมาก ๆ เลยครับ
สามวันให้หลัง คือวันที่ 19 สิงหาคม 1976 เวลาประมาณ 10.30
น. ยานอวกาศโครงการอพอลโล 20 สามารถเข้าสู่วงโคจรของดวง
จันทร์ของเราได้เรียบร้อย นักบินอวกาศทั้งสามได้รับคำสั่งใหม่มา
จากฐานบัญชาการบนโลก คำสั่งนั้นคือให้หาหรือตามรอยว่าเกิด
อะไรขึ้นกับยานอวกาศที่ส่งไปในโครงการที่ผ่านมา คือโครงการอ
พอลโล 19 ก็จริง ๆ แล้วข้อมูลเกี่ยวกับจุดตกของยานพาหนะ
ประหลาดที่อยู่บนดวงจันทร์ ทางโซเวียตจะมีข้อมูลตรงจุดนี้
มากกว่าและค่อนข้างจะแม่นยำกว่า ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุ
ที่ทางสหรัฐฯ ยอมตอบตกลงที่จะดำเนินการในภารกิจลับกับประเทศ
คู่รักคู่แค้นเข้าไปได้ เรื่องของโครงการอพอลโล 19 นี้ก็คือว่า ก่อน
หน้าโครงการอพอลโล 20 นี้ ทางสหรัฐฯ มีปฎิบัติการลับคือโครงกา
รอพอลโล 19 ทางสหรัฐฯ จริง ๆ ก็ทราบเรื่องสถานที่แปลก ๆ หรือยู
เอฟโอรูปร่างแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะตกหรือจอดอยู่บนดวงจันทร์
พอควรอยู่แล้ว อาจจะรู้มากพอ ๆ กับสหภาพโซเวียตด้วยซ้ำไป จึง
ทำการส่งยานอวกาศลับขึ้นไปสำรวจสถานที่ที่แปลกประหลาดเหล่า
นี้ เรียกโครงการอพอลโล 19(น่าจะส่งไปไม่นานนักก่อนที่จะมาถึง
โครงการอพอลโล 20)
ปฎิบัติการโครงการอพอลโล 19 เป็นโครงการลับปฎิบัติการลับ
มีเพียงนักบินในโครงการเท่านั้นที่ทราบและก็คงจะมีเพียงเจ้าหน้าที่
ระดับสูงขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ ไม่กี่คนที่
ทราบ ปฎิบัติการโครงการอพอลโล 19 ล้มเหลว ตรงนี้ยานอวกาศ
ออกจากโลกได้อย่างปลอดภัย เข้าถึงวงโคจรของดวงจันทร์ได้
อย่างปลอดภัย เพียงแต่สัญญานติดต่อจากยานอวกาศหายไปเมื่อ
ยานอวกาศเดินทางไปถึงฝั่งด้านไกล(Far side) ของดวงจันทร์ การ
ติดต่อสูญหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่า
เป็นเพราะเหตุใด หรือว่ายานอวกาศลงจอดแล้วติดต่อไม่ได้ หรือ
เกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็ไม่สามารถจะทราบได้ เพราะฉะนันนักบินใน
โครงการอพอลโล 20 จึงถูกสั่งให้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่าง
อุปกรณ์ในการลงจอดจะต้องพร้อมเสมอเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะ
ซ้ำรอยได้ อุปกรณ์ในการเก็บตัวอย่างเก็บวัตถุวัสดุสำคัญต้องพร้อม
ใช้งานเสมอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งบนกระสวยอวกาศโครงกา
รอพอลโล 20 นำติดขึ้นไปด้วย แต่กระสวยอวกาศโครงการอพอลโล
19 ไม่ได้นำขึ้นไปหรือคิดว่าจำเป็นต้องนำขึ้นไป
สิ่งนั้นคือ "อาวุธ" ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินสั่งนักบินให้ตรวจ
สอบระบบอาวุธการป้องกันตัว ป้องกันยานอวกาศ ให้พร้อมเสมอ
นักบินทั้งสามใจระทึกเต้นแทบจะไม่เป็นจังหวะเมื่อยานอวกาศใกล้
จะถึงพื้นดินที่กำหนดให้เป็นจุดลงจอด ซึ่งเป็นจุดที่ยานอวกาศรูป
ทรงประหลาดจอดอยู่ คุณ William Rutledge กล่าวว่ามันเป็น
ความรู้สึกที่ประหลาดมากคือทั้งกลัวและทั้งฉงนสงสัยว่าจะเกิดอะไร
ขึ้นบ้างหลังจากการลงจอด ภาพของยานพาหนะประหลาดปรากฎ
ขึ้นอยู่ข้างหน้าแล้ว มันเป็นยานพาหนะที่เรียกได้ว่าใหญ่ขนาดภูเขา
ลูกย่อม ๆ ได้เลยทีเดียว เมื่อเข้าไปใกล้จนถึงเงาของยานพาหนะ
ประหลาดนี้แล้ว ยิ่งพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้านี้ต้องเรียกว่ามหึมาได้เลย
ทีเดียว ตอนเดินทางเข้าไปจุดที่ยอดยานอพอลโล 20 อยู่ห่างจาก
ยานพาหนะประหลาดพอสมควรด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
จากนั้นจึงนั่งรถตะลุยดวงจัน(Moon Rover) เข้าไป นักบินที่ได้รับ
มอบหมายภารกิจให้เข้าไปสำรวจตัดสินใจจอด Moon Rover ให้
ห่างจากยานพาหนะประหลาดประมาณสัก 800 เมตร ด้วยเหตุผล
เรื่องความปลอดภัยทั้งยังไม่รู้แน่ชัดว่าพื้นดินบริเวณนั้นจะแข็งแรง
พอที่จะขับเข้าไปหรือไม่ จากนั้นก็เดินเท้าเข้าไปตรงไปยังยาน
พาหนะประหลาดขนาดมหึมาลำนี้
จากการตรวจสอบยานพาหนะประหลาดลำนี้ด้วยตาเปล่าจากภายนอกพบว่า ยานพาหนะประหลาดลำนี้มีส่วนสูงคะเนได้ประมาณ 300 ฟุต(คือสูงประมาณตึก 30 ชั้นได้เลย) ส่วนความยาวไม่สามารถคะเนได้เนื่องจากว่ามองเห็นไปไกลมากจนสุดสายตา ก็มาประมาณกันภายหลังจากภาพมุมสูงว่า มันน่าจะยาวโดยประมาณ 2 ไมล์เลยทีเดียว คุณ William Rutledge อธิบายไว้อย่างน่าตื่นเต้นว่า สิ่งแรกที่สังเกตุได้ก็คือยานพาหนะลำนี้น่าจะจอดอยู่ ณ จุดนี้มานานแสนนานแล้ว อาจจะเป็นล้านปีหรือพันล้านปีก็ว่าได้ มันถูกจอดไว้นานจนเหมือนกับว่าสิ่งนี้จะเป็นทัศนียภาพหนึ่งบนดวงจันทร์ก็ว่าได้ ตัวถังภายนอกของยานพาหนะนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นบนดวงจันทร์หนาเกรอะกรังคล้ายกับรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้มาเป็นแรมปี มันดูแล้วทั้งลำเครื่องเป็นสีเทาไปเลย เลยไม่แน่ใจว่าสีที่แท้จริงคือสีอะไรแน่ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะพอคะเนอายุของยานพาหนะประหลาดลำนี้ได้ก็น่าจะเป็นฝุ่นที่เกาะอยู่นี่ละ ที่จำเป็นต้องนำกลับไปวิเคราะห์ธาตูคาร์บอน 14 บนโลก ว่าฝุ่นที่เกาะอยู่นี้มีอายุนานกี่ปีแล้ว
การเดินเข้าไปในยานพาหนะประหลาดนี้ไม่ยากเลย พื้นดินดู
เรียบมากทั้งที่มันน่าจะขุรขระ มองไม่เห็นเครื่องจักรกลใด ๆ อยู่ใน
บริเวณนั้นที่จะมาเกลี่ยพื้นดินได้ โครงสร้างภายนอกยานพาหนะ
ประหลาดนี้ดูคล้ายกับจะมีตัวอักษรสลักอยู่ ส่วนภายในราบเรียบ
นักบินอวกาศที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปสำรวจก็คือ คุณ William
Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือคุณ Alexei Leonov
ส่วนนักบินอีกคนก็ตามที่กล่าวมาเป็นนักบิน Pilot ที่ต้องคอยประจำ
อยู่ที่กระสวยในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ว่าต้องหนี ต้องสู้ ต้องให้การ
ช่วยเหลือ หรือต้องเตรียมยานพาหนะให้พร้อมเสมอเพื่อขึ้นสู่วง
โคจรก็คือนักบิน คุณ Leona Snyder ตอนที่เดินทางเข้าไปด้านใน
ยานพาหนะประหลาดนี้ ทั้งคุณ William Rutledge และ คุณ
Alexei Leonov ตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารเป็นครั้งสุดท้ายให้แน่ใจ
ว่ายังสามารถพูดคุยติดต่อกับคุณ Alexei Leonov และศูนย์
บัญชาการบนโลกได้อย่างสมบูรณ์
บนพื้นด้านในยานพาหนะประหลาดนี้ แทบจะเหยียบไม่โดนพื้น
เลย เพราะว่าบนพื้นนี้เต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเรียกว่าเป็นฟุตเลยก็ว่าได้
นั่นหมายถึงว่ายานพาหนะลำนี้น่าจะต้องจอดอย่างนี้มานานแสนนาน
แล้ว และก็คงจะไม่มีคนมาดูแลด้วย ที่จุดหนึ่งบนยานพานหะ
ประหลาดนี้ดูเหมือนจะมีร่องรอยของของเหลวซึ่งครั้งหนึ่งน่าจะไหล
มารวมกันอยู่ ตรงนี้นักบินเองยอมรับว่าไม่แน่ใจในข้อสมมติฐานเช่น
กัน จากวิทยุของศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินสั่งการให้นักบินเก็บ
ตัวอย่างฝุ่นหรืออะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์กลับมา
แต่สิ่งที่นักบินบอกว่าพอจะเก็บกลับมาได้ก็เห็นจะเป็นเพียงฝุ่นอย่าง
เดียวที่มีอยู่อย่างมหาศาล จริง ๆ แล้วทางองค์การบริหารการบินและ
อวกาศสหรัฐฯ อยากจะได้หลักฐานวัตถุพยานที่จริงจังกว่านี้เช่น
โลหะ ประตู หน้าต่างหรือส่วนประกอบชิ้นใดชิ้นหนึ่งของยานพาหนะ
ลำนี้ แต่นักบินยอมรับว่าอุปกรณ์ที่นำติดตัวมา คือ สิ่วและค้อนไม่
แข็งแรงพอที่จะทำลายชิ้นส่วนใด ๆ บนยานพาหนะลำนี้ให้แตกหัก
ออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ มันแข็งแรงมาก คงต้องนำเครื่องจักรหนักมา
ทำลายถึงจะเป็นไปได้
แต่มีอีกสิ่งที่แปลกมาก ๆ ก็คือ ผนังของยานพาหนะประหลาด
ลำนี้ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูด มีแรงโน้มถ่วง จนเมื่อใดที่เดินเข้าไป
ใกล้มันเหมือนกับว่านักบินจะมีน้ำหนักตัวขึ้นมาจริง ๆ คล้ายกับเดิน
อยู่บนโลก
คุณ William Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือคุณ
Alexei Leonov เดินขึ้นไปบนชั้นที่สูงขึ้นผ่านห้องโถงใหญ่ ที่ห้อง
ห้องหนึ่งไปเจอกับสิ่งที่เรียกว่าประหลาดมากเท่าที่เคยจะพบมา และ
ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับสิ่งนี้ ณ ที่บนดวงจันทร์ คือเจออะไรบาง
อย่างที่ดูแล้วคล้ายพืชที่ขึ้นไปสูงมากจนถึงเพดานห้อง ด้านล่างของ
พืชนี้มีถาดรองอยู่ ดูคล้ายกับฟอสฟอรัสหรือไม่ก็ทองคำเพราะว่ามีสี
เหลืองและนี่ละก็คือสิ่งที่จะเก็บกลับไปตรวจสอบบนโลกได้ ตามคำ
บอกเล่า ในถาดที่ว่ามีอะไรสีเหลือง ๆ นี้ มันจะเป็นในรูปของ
ของเหลว คุณ William Rutledge เรียกมันว่า Golden Tears เขา
รวบรวมมันได้ประมาณสักสองลิตร ก็คือว่าตอนเดินทางเข้าไปในตัว
ยานพานหะประหลาดนี้นักบินนำกล้องชนิดพิเศษติดตัวไปด้วยและ
มันจะทำให้สามารถสื่อสารกับนักบินที่ประจำอยู่ที่ Lunar Orbior
รวมทั้งศูนย์บัญชาการที่ภาคพื้นโลกด้วย ทางศูนย์บัญชาการภาค
พื้นโลกเห็นภาพนี้ทุกอย่างและกล่าวกลับมาว่าพืชที่คุณเห็นนี้ผม
เห็นแล้ว มันดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยตอนที่คุณเดินเข้าไป
ใกล้ คุณ William Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือ
คุณ Alexei Leonov ต้องการจะเดินสำรวจต่อ แต่ทางศูนย์
บัญชาการภาคพื้นดินออกคำสั่งให้กลับไปยังกระสวยที่จอดอยู่
เนื่องจากว่ายานพาหนะลำนี้มีขนาดที่มหิมามาก จะเดินสำรวจให้
หมดทุกจุดก็จะหมดอ็อกซิเจนได้ และที่สำคัญสิ่งที่เก็บมาตอนเดิน
ทางออกมาจะต้องรักษาเป็นอย่างดี รักษาด้วยชีวิต เพราะว่าเป็น
หลักฐานสำคัญมาก
ก็ตอนที่เดินออกมาจากยานพาหนะประหลาดลำนี้ เพื่อกลับ
ไปยัง Moon Rover คุณ Alexei Leonov จับแขนคุณ William
Rutledge ไว้แล้วบอกว่า คุณเห็นอะไรไหม ผมเห็นรอยอะไรบาง
อย่างทางซ้ายมือห่างไปสักประมาณ 50 เมตร มันดูเหมือนรอยของ
ยานพาหนะของเราเองคือ Moon Rover ที่เราสองคนขับเข้ามา
เพียงแต่ว่าไม่ใช่ เพราะว่าเราจอดยานพาหนะของเราในจุดจอดอีก
จุด นักบินอวกาศทั้งสองตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจเพื่อดูให้ชัดเจน
ขึ้น จึงพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ รอยของ Moon Rover รอยนี้ไม่ใช่
เป็นคันของเราที่ขับเข้ามา เพราะฉะนั้นมันจะต้องเป็น Moon Rover
ของนักบินในโครงการอพอลโล 19 อย่างแน่นอน ไม่รอช้า คุณ
William Rutledge ติดต่อกลับไปยังคุณลีโอน่า ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่
บน Lunar Orbitor ซึ่งเป็นยานที่ลอยลำอยู่บนอวกาศในส่วนที่คอย
ประสานกับศูนย์ควบคุมภาคพื้นโลกและทีม Rover Lunar
ให้คุณลีโอน่า ประสานไปยังศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินให้ต่อสายตรง
เข้ามาแจ้งว่าได้เจอร่องรอยของยานพาหนะของโครงการอพอลโล
19 แล้ว และกำลังจะเดินตามรอยเส้นทางเพือไปสำรวจให้แน่ชัดว่า
รอยของ Moon Rover นี้ไปสุดยัง ณ ที่ใด ซึ่งก็จะทำให้เจอกับ
นักบินของโครงการอพอลโล 19 ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะเสียชีวิตแล้ว
คำตอบของศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินที่ให้มา คือ ห้ามทำ
เช่นนั้นอย่างเด็ดขาด ให้นำตัวอย่างที่เก็บได้กลับไปยัง Moon
Rover ของคุณและออกมาจากสถานที่แห่งนั้นโดยด่วนที่สุด เพราะ
ว่าอะไรก็ตามที่เกิดกับนักบินโครงการอพอลโล 19 และ Moon
Rover ของพวกเขา อาจจะมาเกิดกับคุณอีกครั้งก็เป็นไปได้ ดังนั้น
คำสั่งคือให้ออกมาจากสถานที่แห่งนั้นโดยเร็วที่สุด โดยไม่ต้องไป
สนใจกับสิ่งอื่น สถานที่แห่งนี้อาจจะมีอันตรายแฝงอยู่ก็ได้ จาก
ปากคำนักบินทั้งสามของโครงการอพอลโล 20 ไม่เห็นด้วยกับศูนย์
บัญชาการภาคพื้นดิน เกิดการโต้เถียงกันนานพอสมควร ทางคุณ
William และ คุณ Alexei ให้เหตุผลว่าครอบครัวของนักบินอวกาศ
ของโครงการอพอลโล 19 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ข้อเท็จจริงว่า
คนในครอบครัวของเขาที่จากไปนั้น จากไปด้วยสาเหตุใด ตรงจุดนี้
ปรากฎเถียงแพ้กับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินอย่างราบคาบ เพราะ
ว่าศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินแจ้งว่า ปฎิบัติการที่แล้วนั้นเป็นความ
ลับสุดยอดแม้แต่คนในครอบครัวของนักบินก็ยังไม่อาจจะทราบได้
ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ให้เหตุผลการเสียชีวิตไปกับครอบครัว
ของพวกเขาแล้วว่าเกิดจากอุบัติเหตุในขณะฝึกปฎิบัติการ
นักบินของโครงการอพอลโล 20 ถามกลับไปยังศูนย์
บัญชาการภาคพื้นดินว่า พอจะมีอะไรบ้างไหมที่นักบินหรือกระสวย
อวกาศในโครงการอพอลโล 19 จะทิ้งไว้ได้ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์
หรือเป็นทรัพยากรที่มีประโยขน์ในการช่วยเดินทางกลับให้ง่ายขึ้น
ทางศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินตอบกลับมาว่าไม่มีเลย ซึ่งทางศูนย์
บัญชาการภาคพื้นดินแน่ใจมาก ๆ ว่านักบินทั้งหมดของโครงการอ
พอลโล 19 ได้เสียชีวิตหมดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย จากคำบอกเล่า
คือมีการถกเถียงกันอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่อง ๆ นี้ว่าควรหรือไม่ที่จะ
ตามรอยเส้นทางของนักบินของโครงการอพอลโล 19 ไป สุดท้าย
แล้วปรากฎว่าฝ่ายนักบินเป็นฝ่ายชนะ เพราะว่าอยู่ใกล้เหตุการณ์
มากและดูคล้ายกับไม่อยากปฎิบัติตามคำสั่ง ศูนย์ควบคุมภาคพื้น
โลกอนุโลมให้ปฎิบัติตามในสิ่งที่นักบินต้องการคือเดินตามรอย
Moon rover ของโครงการอพอลโล 19 ไป
ที่ขอบฟ้าด้านหนึ่ง พบว่าเจอกระสวยของโครงการอพอลโล
19 จอดอยู่ จอดนิ่ง ๆ จากการตรวจสอบจากภายนอกแล้ว กระสวยนี้
ยังไม่ได้มีท่าทีว่าจะบินขึ้นท้องฟ้า คือคล้ายกับยังปฎิบัติภารกิจไม่
เสร็จสิ้น คุณ William Rutledge ยังคงมีความหวังว่าอาจจะยังได้
พบเห็นนักบินของอพอลโล 19 ในสภาพที่เป็น ๆ อยู่ ซึ่งบางทีอาจจะ
ไปหลบอยู่ยังยานพาหนะประหลาดลำมหึมานั้นก็ได้ แต่ที่น่าสนใจ
มากคือ บางส่วนของประตูของกระสวยถูกเปิดออกแล้ว นั่นก็หมาย
ถึงว่าด้านในของกระสวยหากมีคนอาศัยอยู่ ก็คงจะต้องตายอย่างไม่
ต้องสงสัย เพราะว่าไม่มีการปรับสมดุลความดันระหว่างภายในกับ
ภายนอกยาน(ไม่มีการ pressurized) ทั้งคุณ William Rutledge
และ คุณ Alexei Leonov เดินสำรวจภายนอกยานกระสวยลำนี้
อย่างระวัง ตรวจสอบพบความเสียหายแล้วพบว่า คล้ายกับว่า
กระสวยนี้ตอนที่ทำการลงจอด ต้องลงจอดบนพื้นแรงมาก ขาของ
กระสวยถึงกับได้รับความเสียหายและจมลึกลงไปในพื้นฝุ่น สิ่งต่อ
ไปที่เจอคือเจอถุงมือนักบินอวกาศ เป็นถุงมือสีขาวที่ปลายนิ้วบน
ถุงมือแต่ละนิ้วจะเป็นสีแดง ซึ่งก็คือเป็นถุงมือคนละชุดกับนักบินใน
โครงการอพอลโล 20 ซึ่งเป็นถุงมือสีขาวแต่ปลายนิ้วแต่ละนิ้วเป็นสี
ดำ
คุณ William Rutledge มองหาคุณ Alexei Leonov ก็พบว่า
คุณ Alexei ตอนนี้ได้เข้าไปในกระสวยเพื่อตรวจสอบแล้ว ทางคุณ
William ถามไปว่าคุณเจออะไรข้างในไหม ทางคุณ Alexei ตอบ
กลับมาว่าเจอศพอยู่ในกระสวยนี้ แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคน น่าจะเป็น
มนุษย์ต่างดาว
บนโต๊ะโลหะภายในกระสวยอวกาศ มีศพนอนอยู่ เป็นศพดูแล้ว
เป็นมนุษย์เพศหญิง ลักษณะเปลือยกายแต่มีผ้าหรือวัตถุบางอย่าง
บาง ๆ คลุม ศพไว้ บนลำตัวดูเหมือนจะมีสารเคมีบางอย่างเคลือบ
อยู่
พิจารณาจากส่วนสูงแล้ว น่าจะสูงราว 5.5 ฟุต ทุกอย่างดูคล้าย
คนมาก มีสองแขน สองขา แต่ว่าที่มือแต่ละข้างมีหกนิ้ว บนหน้าผา
กมีสัญลักษณะอะไรบางอย่างที่ถ้าไม่เป็นแผลเป็น ก็อาจจะเป็นรอย
สัก ดูคล้ายกับสัญลักษณะที่เห็นในยานพาหนะลำมหึมาที่เดินออก
มา ที่ใบหน้ามีอะไรไม่แน่ใจดูเป็นก้านโลหะ ประดับอยู่ โดยยึดอยู่ที่
เปลือกตา แก้มและปาก ด้านใต้โต๊ะตัวนี้มีถังบางอย่างที่เทคว่ำอยู่ มี
สารสีเหลืองที่พบในยานพาหนะลำมหึมา(Golden Tear) หยดอยู่
เล็กน้อย
คุณ William Rutledge ปิดประตูกระสวยอวกาศลงแล้วเริ่ม
กระบวนการเพิ่มความดันในตัวยาน เพื่อที่จะให้สามารถทำให้
ภายในกระสวยนี้สามารถอยู่อาศัยได้ และสามารถที่จะถอดหมวก
นักบินอวกาศออกได้ เมื่อกระบวนการเพิ่มความดันในตัวยานเสร็จ
สิ้น นักบินอวกาศทั้งสองจึงสามารถที่จะถอดหมวกนักบินออกได้
ตอนแรกคุณ William เข้าใจว่าเมื่อถอดหมวกออกแล้วก็น่าจะได้
กลิ่นศพเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วยาน แต่ปรากฎว่าไม่เลย กลิ่นที่ได้
กลิ่นเป็นกลิ่นลักษณะหอมจาง ๆ คุณลีโอน่าเคยเป็นนักไบโอเคมี น่า
จะให้คำตอบกับกลิ่นนี้ได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ Lunar Orbitor ไม่ได้
อยู่ในตำแหน่งแต่โคจรไปยังอีกฝั่งของดวงจันทร์ อีกสักพักจึงจะ
โคจรกลับมา คุณ William Rutledge ตรวจสอบศพใกล้ ๆ แล้ว ดู
เหมือนจะมีเสียงดังอ่อน ๆ ออกมาจากภายในตัวศพ คล้ายกับเสียง
น้ำเคลื่อนที่หรือเลือดเคลื่อนที่ในร่างกาย แต่ไม่สามารถจับชีพจร
ได้
คุณ William Rutledge กล่าวว่าไม่แน่ใจว่าตรงนี้จะเป็นกระ
บวนการจำศีลของมนุษย์ต่างดาวผู้หญิงคนนี้คืออาจจะยังไม่เสีย
ชีวิต หรือบางทีจะเสียชีวิตไปแล้วก็ไม่ทราบได้ ก็สุดท้าย ก้านต่าง ๆ
ที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอมนุษย์ต่างดาวคนนี้ ถูกถอดออกหมด
หน้าตาของเธอคนนี้ดูเหมือนจะยิ้มเล็กน้อย คุณ William
Rutledge ตั้งชื่อเธอคนนี้ว่า "โมนาลิซ่า" ก็คือฟิลม์ทั้งหมดที่ถูก
บันทึกและภาพถ่ายทั้งหมดเป็นฝีมือของคุณ Alexei ส่วนของคุณ
William เป็นคนตรวจสอบศพ
ก็สุดท้าย Moon Orbitor ซึ่งมีคุณลีโอน่าประจำการอยู่กลับ
เข้าสู่วงโคจรเดิมอีกครั้ง ได้ติดต่อเข้ามาด้วยสายส่วนตัว(Private
Channel) สอบถามความคืบหน้า ทางคุณ William ก็รายงานทุก
อย่างไปยังคุณลีโอน่าทั้งหมด คุณลีโอน่าบอกว่าทราบเรื่องทั้งหมด
แล้วจากหมวกนักบินที่คุณบันทึกอยู่ และศูนย์บัญชาการบนโลกก็
ทราบเรื่อง ๆ นี้แล้ว เห็นภาพทั้งหมดแล้ว คุณลีโอน่าที่ตอนนี้ใช้สาย
สนทนาส่วนตัวอยู่ แจ้งกับคุณ William ว่าทางศูนย์บัญชาการภาค
พื้นดินทราบเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว และก็ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย
คุณ William กล่าวว่า แล้วเป็นไปได้อย่างไรว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มา
ก่อน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขารู้เรื่องนี้มาก่อนได้อย่างไร ทาง
ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินต้องการให้คุณนำศพหญิงคนนี้กลับสู่
โลก
ก็ทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของคลิปประหลาดนี้ ซึ่งจะจริงหรือไม่
ขึ้นกับวิจารณญาณของผู้ชมครับ ในส่วนของผมก็หาข้อมูลมาเพื่อ
ประกอบ แต่ว่ามันมีบางอย่างที่น่าสังเกตุเหมือนกันครับ คือเรื่อง ๆ นี้
ถูกเขียนถูกแต่งเป็นหนังสือ แล้วลงขายใน amazon.com ตรงนี้ผม
เข้าใจว่ามันจะมีมูลบางอย่างที่พอจะเชื่อถือได้บ้างเกี่ยวกับเรื่องราว
ที่เล่า ๆ กันมา เพราะไม่เช่นนั้น คนที่ไหนที่นึกอยากจะหารายได้
จำหน่ายหนังสือก็กุเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาแล้ว นำไปให้สำนักพิมพ์ พิมพ์
ออกมาจำหน่ายแล้ววางขายได้บนห้างใหญ่ ๆ แล้วละก็ ชั้นวาง
หนังสือขายคงจะมีไม่พอวางอย่างแน่นอน รวมไปถึงความน่าเชื่อถือ
ของเรื่องของข้อมูลที่นำมาเขียนและตัวของผู้เขียนอีก ไม่เพียง
เท่านั้นเรื่อง ๆ นี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับอัตชีวประวัติส่วนตัวผู้เขียน
หรือรวมเรื่องตลกโปกฮา ซึ่งก็คงจะเขียนอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องนี้ไป
เกี่ยวข้องกับองค์การบริหารการบินอวกาศ รัฐบาลสหรัฐ ฯลฯ มันก็
จะยิ่งยากขึ้นไปอีก(ความคิดผม)
ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น ลองเข้าไปอ่านดูในหนังสือ
อีกทีครับ ก็ราคาไม่สูงมากนัก