มิเตอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิของอากาศแบบเข็ม,
Analog Thermo-Hygrometer
สำหรับท่านที่ต้องการจะดูความชื้นในอากาศในเวลาเีดียวกันก็ต้อง
การทราบอุณหภูมิในอากาศขณะนั้นไปด้วย
มิเตอร์เข็มวัดรุ่นนี้ผมแนะนำให้ใช้งานครับ
เพราะจะมีสองเข็มบอกที่แยกจากกันอย่างแน่นอน
ไม่สับสนในการอ่านค่า โดยที่ช่วงความชื้นสามารถวัดได้ตั้งแต่
0 - 100 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่ช่วงอุณหภูมิที่สามารถวัดได้อยู่ในช่วง ติดลบ 30 ถึง 50
องศาเซลเซียส
เพราะฉะนั้นในช่วงความชื้นและอุณหภูมิดังกล่าวครอบคลุมภูมิ
อากาศในประเทศไทยแน่นอน
สนใจผลิตภัณฑ์ผมอนันต์ครับ Tel.0868910596 (1,700 บาท)
ท่านครับคลิปด้านล่างนี้คือ
สุดยอดของการบันทึกอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะได้เคยวัดกัน
ได้บนโลกใบนี้เลยทีเดียว
สองอันดับนั้น(2, 3) มีคนอยู่อาศัยอยู่ด้วยเป็นชุมชน
แต่สถานที่สุดท้ายคืออันดับที่ 1 เป็นสถานีตรวจอากาศครับ
แต่ว่าวันที่วัดอุณหภูมิได้ต่ำสุดนั้น
มีเจ้าหน้าที่ตรวจวัดเป็นพยานอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย
ลองชมครับ แล้วผมจะอธิบายตาม
อันดับ 5 เมือง Snag, Yukon ประเทศแคนาดา
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้คือ ติลลบ 63 องศาเซลเซียส หรือ
ติดลบ 81.4 องศาฟาเรนไฮน์
อันดับ 4 เมือง North Ice เกาะกรีนแลนด์
(เขตการปกครองของประเทศเดนมาร์ค)
ส่วนที่วัดได้นี้อยู่กลาง ๆ เกาะกรีนแลนด์
เป็นสถานีวิจัยที่สหราชอาณาจักรไปตั้งทำการทดลองอยู่
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้คือ ติลลบ 66 องศาเซลเซียส หรือ
ติดลบ 86.8 องศาฟาเรนไฮน์
อันดับที่ 3 คือเมือง Verkhoyansk ประเทศรัสเซีย
เมืองนี้มีคนอยู่โดยประมาณ 1,400 คนในอดีต(ค.ศ 1860 - ปี
2000
เมืองนี้เคยใช้เป็นที่ลี้ภัยของผู้ที่มีความคิดความเห็นไม่ตรงกับ
ฝ่ายรัฐบาล) อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึกได้คือ ติดลบ 69.8
องศาเซลเซียสหรือ ติดลบ 93.64 องศาฟาเรนไฮน์
อันดับที่ 2 คือ เมือง Oymyakon ประเทศรััสเซีย
มีคนที่อาศัยอยู่ประมาณ 500 คน(กล้ามาก ๆ) ฝรั่งเล่าว่า
ถึงขนาดว่าบางค่ำคืนนั้น นกในท้องถิ่นแข็งตายไปเฉย ๆ ก็มี
อันดับที่ 1 เท่าที่ผมพอจำได้คือประมาณปี 2526 ครับ
สถานนีตรวจวัดเรดาห์ชื่อว่า Vostok
เป็นของอดีตสหภาพโซเวียตครับ
อยู่ในใจกลางทวีปแอนตาร์คติกา วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้เท่ากับ
ติดลบ 89.2 องศาเซลเซียส หรือติดลบ 128.56
องศาฟาเรนไฮน์
ไม่เพียงเท่านั้นครับตอนที่วัดอุณหภูมิได้ในขีดสุดนี้มีลมแรงสุด
ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นมันจะเพิ่มความหนาวขึ้นเป็นทวีคูณ
ฝรั่งเขายกตัวอย่างเช่น
ถ้าสมมติอุณหภูมิรอบตัวท่านมีอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส
ซึ่งก็หนาวอยู่แล้ว กลับมีลมแรง ๆ
พัดอยู่ด้วยก็จะทำให้มนุษย์มีความรู้สึกว่าหนาวกว่า 0
องศาเสียอีก คือจะเสมือนหนึ่งว่าหนาวที่อุณหภูมิติดลบ 6
องศาเซลเซียส เป็นต้น สถิตินี้อยู่มาประมาณเกือบ ๆ 30
ปีครับ
แต่อย่างไรก็ตามแต่ มีคนกล่าวกันว่าสถิตินั้นมิได้มีไว้เพื่อบันทึก
แต่มีไว้เพื่อทำลายต่างหากคลิปด้านล่างนี้ลองให้ท่านชมก่อนครับ
ถ้าหากท่านคิดว่าฤดูหนาวที่ประเทศของท่านหนาวแล้ว
ท่านจงดีใจเถิดว่าท่านไม่ไ้ด้อยู่ในฤดูหนาวของทวีปแอนตาร์ติกา
ในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 เพราะว่าอะไรหรือครับ
เพราะว่าคุณพ่อองค์การบริหารการบินอวกาศ(NASA)
ใช้ดาวเทียมจากนอกโลกวัดอุณหภูมิได้ที่เรียกว่า continent's
eastern highlands ได้ที่ติดลบ 93 องศาเซลเซียส(-93°C หรือ
-136°F)
เรียกได้ว่าเย็นกว่าน้ำแข็งแห้งหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แข็งเสีย
อีกจุดที่วัดได้นี้ตามข่าวเล่าว่าอยู่ไม่ห่างไม่ไกลจากสถานีตรวจอากา
ศ Vostok ของอดีตสหภาพโซเวียตที่เคย ๆ วัดได้นั่นละครับ
ท่านครับผมเอารูปด้านบนมาให้ชมเป็นรูปทัศนียภาพที่ทวีปแอนตาร์ค
ติกาที่สว่าง ๆ และไม่มีเมฆหมอกใด ๆ เลย
ฝรั่งเขาเล่า่ต่อไปว่าวันที่อากาศเย็นที่สุดนั้นมักจะมีสภาพเป็นเช่นนี้
ละครับ คืออากาศโล่ง ๆ ไม่มีเมฆหรือหมอก
เพราะว่าถ้าหากว่ามีเมฆหมอก เมฆหมอกนั้น ๆ
จะทำหน้าที่เป็นฉนวน ทำให้อุณหภูมิอุ่นขึ้น
แต่ท่านครับ มีอีกข้อสังเกตุหนึ่งที่ฝรั่งตั้งเอาไว้คือ
อุณหภูมิตรงจุดนี้ที่ว่าต่ำสุด ๆ นั้น
ดาวเทียมตรวจอากาศจับอุณหภูมิที่ระดับผิวดินครับ(ผิวพื้นหิมะ)
แต่เมื่อ 30 ปีก่อนที่ Vostok นั้นวัดอุณหภูมิติดลบ 89.2
องศาเซลเซียส ที่ระดับสูงจากผิวดินประมาณ 2 เมตรครับ
ซึ่งฝรั่งเขากล่าวว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าที่ผิวดิน
ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าอุณหภูมิที่ตรวจวัดได้ทั้ง 2
วันนี้ใกล้เคียงกันมาก ๆ ครับ
อย่างไรก็ตามแต่ความน่าเชื่อถือของการตรวจวัดยังคงยึดที่ Vostok
นะครับ เพราะว่าตรวจวัดด้วยคนจริง ๆ
ด้วยอุปกรณ์ที่อยู่บนภาคพื้นดินจริง ๆ
ไม่ใช่ตรวจวัดด้วยดาวเทียมที่อยู่นอกโลก
ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะคลาดเคลื่อนได้
ถึงแม้ว่าฝรั่งจะบอกว่าคลาดเคลื่อนมากสุดไม่เกินกว่า 2
องศาเซลเซียสก็ตามแต่