ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับยูเอฟโอ
ประัธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งคนแล้วคนเล่า
ที่หาเสียงให้คำสัญญาประชาคมว่าจะเปิดเผยสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกให้
สาธารณชนรับทราบหากได้รับการเลือกตั้งเข้าไป
แต่สุดท้ายหลังจากที่เขาได้รับการเลือกตั้งเข้าไปจริง ๆ
ก็ยังไม่เคยมีท่านใดเปิดเผยความลับอันนี้
ก็ไม่แน่ชัีดนัก ว่าท่านเหล่านี้รู้เรื่องเหล่านี้มากแค่ไหน รู้แต่พูดไม่ได้
หรือแม้กระทั่งไม่รู้อะไรจริง ๆ
เรื่องเล่าเกี่ยวกับประธานาธิบดีของสหรัฐบางคนที่มีโอกาสได้สัมผัสหรือ
ได้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวคนแรก ๆ เลยก็คือท่านประธานาธิบดี
Dwight Eisenhower ในปี 1954 โดยพบกับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์
White Tall จนกระทั่งเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า "secret regime"
หรือระบอบความลับที่เป็นที่ซุบซิบนินทาว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นเป็นไปได้ว่า
อาจจะควบคุมประเทศมหาอำนาจบางประเทศได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับเรื่องของความลับแล้ว มันมีระดับชั้นความลับ 38
ระดับของประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งที่ยากมาก ๆ สำหรับคนทั่ว ๆ
ไปจะเข้าถึงหรือเข้าไปรับรู้รับทราบได้ ถามก็ไม่บอก
พูดออกมาก็ไม่รู้จะจริงหรือเปล่า
แต่ว่ามันยังจะมีความลับอะไรบนโลกใบนี้
เหลืออยู่อีกจนกระทั่งแม้แต่ประธานาธิบดีของ
สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รู้หรือเข้าถึงได้
จะเข้าถึงได้ก็เพียงเป็นบางคนเท่านั้น
เช่นประธานาธิบดีที่มีภูมิหลังเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลาง(CIA)
ความลับระดับสูงสุดขนาดนี้เรียกว่าระดับ "Cosmic"
เพราะว่ามันมีคนเพียงบนโลกนี้แค่ 25 คนเท่านั้นที่ถูกอนุญาตให้รู้ได้
หนึ่งในความลับระดับนี้มีเรื่องของ UFO สิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก
การพบเห็นและกู้เก็บวัตถุและสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก
หากมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผมมีคลิปน่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ
ฟังไม่ยากมากนักครับ
Yes,I know some. I know a lot.
เป็นคำพูดของท่านประธานาธิบดีคนหนึ่งซึ่งผมเข้าใจว่าอาจจะเป็นหนึ่งที่ได้รับ
อนุญาตให้เข้าถึงความลับระดับ "Cosmic" ได้คนคนนั้นอยู่ในคลิปนี้ครับ
(มันถูกลบไปเพียงแค่ไม่กี่วันที่เผยแพร่แต่ผมหาเจออีกครั้ง) น่าสนใจจริง ๆ ครับ
Mr.บารัค โอบามา เมื่อเจอคำถามเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก
ท่านมีปฎิกิริยาอย่างไร
มีคลิปที่อ้างว่าเป็นความลับระดับ "Cosmic" อยู่คลิปหนึ่งครับ น่าสนใจมากครับ
ท่านที่อยู่ในคลิปนี้พูดอะไรออกมาบางอย่างที่ผมไม่อยากแปล
(ผมไม่เอ่ยชื่อท่านด้วย)
แต่อยากให้ท่านฟังเอง(ฟังเข้าใจไม่ยากเลยครับ)
เหตุการณ์นี้ท่านที่ออกมาเปิดเผยรู้และทราบมานานมากแล้ว
ก่อนผมจะเกิดเสียอีก และดูเหมือนว่าประเทศมหาอำนาจและ NATO
เองก็ทราบเป็นอย่างดีด้วย อยู่ในช่วงปี 1961 - 1964 ข้อสรุป
มีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกอยู่ทั้งสิ้น 4 เผ่าสายพันธุ์ที่มาเยือนโลกเราแล้ว
ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ บางสายพันธุ์นั้น
มีรูปร่างหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกับมนุษย์เรา ๆ ท่าน ๆ แทบจะทุกประการ
แต่มีรูปร่างบางส่วนที่ดูแปลกผิดปกติไปบ้าง
ถ้าดูไปตามรูปด้านล่างแล้ว
หากจะถามว่า
ท่านเคยพบเห็นมนุษย์บนโลกที่มีศีรษะลักษณะเช่นนี้เดินสวนกับท่านบ้างไหม
คนที่เห็นในภาพตามแหล่งข่าวฝรั่งระบุว่ามีความเป็นไปได้มาก ๆ
ว่าอาจจะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่งที่คล้ายกับคนมาก ๆ
คนคนนี้ทำงานอยู่ในองค์การลับแห่งหนึ่งบนโลก
ตามแหล่งข่าวบอกว่าเขาเป็นคนที่อัจฉริยะมาก ๆ ทางคณิตศาสตร์
(ดูเหมือนจะเรียกว่า Nordic Aliens หรือ White Tall)
เพราะฉะนั้นแล้วท่านไม่ทราบได้หรอกครับว่าเขาคือคนบนโลกนี้หรือไม่ใช่
ข้อสรุปยังบ่งไปถึงว่าเขาเหล่านั้นมาถึงที่นี่นานมากแล้วด้วย
สิ่งมีชีวิตนอกโลกนี้มีความสามารถเกินขีดจำกัด
สามารถควบคุมสสารรวมถึงเวลาได้ด้วย
มันคือโลกซ้อนโลกที่ดูเหมือนจะมีอธิบายอยู่ในคัมภีร์ของบางศาสนา
มนุษย์ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
(Right to know the truth)
ซึ่งท่านที่อยู่ในคลิปกล่าวไว้ไม่เพียงแค่สิทธิ์ในการรับรู้เท่านั้น แต่ว่า
มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ข้อมูลข่าวสาร(Need to know the truth)
ซึ่งดูเหมือนกับว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ก็อยากจะรับรู้ข้อมูลข่าวสารอยู่แล้ว
ถึงไม่มีใครบอก ใช้วิจารณญาณด้วยครับ
ระดับชั้นความลับขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ(NATO)
แบ่งเป็น 4 ระดับด้วยกันคือ
- COSMIC TOP SECRET (CTS),
- NATO SECRET (NS),
- NATO CONFIDENTIAL (NC), and
- NATO RESTRICTED (NR)
ความลับทั้งสี่ระดับนี้ผมไม่ได้คิดขึ้นมาครับ แต่ค้นหาข้อมูลจากในวิกิพีเดีย
ท่านครับหากว่า่ท่านนำคำว่า Cosmic ไปค้นหาในดิกชั่นเนอรีแปลภาษาแล้ว
คำว่า "Cosmic"
ท่านจะพบว่าคำนี้จะอธิบายให้ความหมายถึงเรื่อง ๆ ใดที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ
แล้วมันเพราะเหตุใดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือจึงนำคำนี้มา
นำหน้าชั้นข้อมูลใด ๆ ที่เป็นความลับขั้นสุดของเขา ตรงนี้ก็แปลกและน่าสนใจ
ท่านคนนี้ที่มีความกล้าหาญนำความลับระดับ "Cosmic"
ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ(NATO)
มาเปิดเผยนี้เป็นใครและมีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ท่านไม่กังวลภัยคุกคามใด ๆ
ที่อาจจะตามมาหรือ แล้วความน่าเชื่อถือที่ท่านพูดออกมาจะมีมากน้อยเพียงใด
ทุกวัน ๆ นี้งบประมาณที่ขาดดุลอย่างมหาศาลของประเทศมหาอำนาจ
วิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งแล้วมันไปยังจุด ๆ นี้ นำไปใช้วิจัยพัฒนากับเรื่อง ๆ นี้
ติดตามชมได้ในคลิปด้านล่างครับ
https://www.youtube.com/watch?v=VI9fS8Y-fww
https://www.youtube.com/watch?v=X5vjv3e9xAo
พยายามหาจุดเชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาวทั้ง 4 สายพันธุ์ที่ว่านี้คือพันธุ์อะไรบ้าง
สุดท้ายแล้ว ก็ดูเหมือนจะมีคนออกมายอมรับเหมือนกัน
คนคนนี้เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของแคนาดา
ชื่อคุณ Paul Hellyer
เขาบอกว่ามนุษย์ต่างดาวที่ว่านี้มาเยือนโลกไม่ใช่เพิ่งจะมาเยือนเมื่อไม่นานมานี้
นะครับ แต่ว่ามาถึงโลกเราแล้วนับเป็นหลายพันปีก่อนเลยทีเดียว
จริง ๆ แล้วในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทั้งค่ายโลกเสรี
และโลกคอมมิวนิสต์ที่หาข้อมูลจากการพบประสบเอง
หรือจากการสอบถามจากบุคคลที่มีประสบการณ์พบว่ามันมีมากกว่า
4 สายพันธุ์อีกครั้ง เป็นไปได้ว่าจะมากเป็นสิบสายพันธุ์ทีเดียว
ซึ่งอันนี้ผมพยายามถึงที่สุดเสาะหาข้อมูลเอาเองนะครับ ว่าทั้ง 4
สายพันธุ์ที่ทราบกันมาตั้งแต่อดีตนี่คือสายพันธุ์อะไรบ้าง ก็ได้ข้อมูลดังนี้ครับ
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นอร์ดิค
คำอธิบายถึงลักษณะมนุษย์ต่างดาวสายพันธ์นี้คือ " They are a very spiritual
and highly evolved alien race. Nordics are typically described as six
ฃto seven feet tall with long blonde hair and blue eyes. are are
commonly reported as being male. Their skin is said to range from
fair colored to tanned, they are report to be in excellent physical
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือหน้าตารูปร่างคล้าย ๆ กับฝรั่งทางตอนเหนือของทวีปยุโรป
แต่ไม่ใช่คนบนโลก เป็นคนที่มาจากโลกอื่น
คือ ผมสีทอง ตาสีฟ้า รูปร่างสูงใหญ่(คนเผ่านอร์ดิค) ผิวสีขาวไปจนถึงผิวสีแทน
จากประสบการณ์การพบเห็นของมนุษย์แล้วพบว่า
จัดเป็นกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่รูปร่างและหน้าตาดีครับ
และก็คงเป็นมนุษย์ต่างดาวที่คล้ายกับมนุษย์บนโลกมากที่สุด
ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพของสุภาพสตรีคนหนึ่ง
ตามข่าวแ้ล้วทำงานอยู่ในองค์กรลับแห่งหนึ่งของประเทศมหาอำนาจ
ดูแล้วเป็นฝรั่ง
ถูกถ่ายภาพภายใต้แสงไฟที่สว่างมาก ๆ
ซึ่งหากท่านหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วจะได้ข้อมูลว่า
บุคคลนี้ไม่ใช่มนุษย์บนโลก แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวคนหนึ่ง ภาพนี้คล้าย ๆ
จะรั่วไหลออกมาจากอดีตหน่วยข่าวกรองคนหนึ่งของ MI6
ถ้าปรับแสงให้อ่อนลงสักหน่อยจะเห็นใบหน้าของเธอ(คนต่างดาว) คนนี้ชัดขึ้น
หน้าตาคล้าย ๆ กับคนแสกนดิเนเวียน บนโลกในแถบยุโรปเหนือ ผมสีอ่อน
ผิวสีอ่อน แต่ตาเป็นสีแดง
ข้อมูลโดยคร่าว ๆ ของสุภาพสตรีต่าวดาว คนนี้
รายงานนี้ถูกทำให้กับองค์กรลับแห่งหนึ่งที่ชื่อ S.A.A.L.M
(Supreme Anunnaki Alliance of Lord Marduk)
ภาพของสุภาพสตรีต่างดาวคนนี้มีคนนำมาตรวจสอบแล้วพบความผิดปกติบาง
ส่วนของอวัยวะบนใบหน้าว่าผิดสัดส่วนไปจากคนสแกนดิเนเวีย
คือมีระดับคิ้วกับตาที่ต่ำกว่าระดับของใบหูค่อนข้างมาก
และมีจมูกส่วนที่เป็นสันด้านบนกว้างและใหญ่กว่าคนสแกนดิเนเวียทั่วไป
ที่จะมีสันจมูกที่แหลมกว่า ดูเหมือนจะไม่มีปีกจมูกด้วย
แต่สิ่งหนึ่งถ้าจะให้ดีก็คือจะได้เห็นเธอคนนี้ทางด้านข้าง
เพราะฝรั่งที่วิเคราะห์ภาพนี้กล่าวว่าดูเหมือนกับศีรษะของเธอคนนี้จะเป็นทรงไข่
Oval ก็คือเป็นไปได้ว่าจะคล้าย ๆ กับศีรษะของชาย(ภาพด้านบน)
ผมหาข้อมูลได้อีก 2 ภาพ เป็นข้อมูลในเน็ต ความเชื่อแล้วแต่วิจารณญาณท่าน
ผมค้นข้อมูลมาให้ชม ดูเหมือนจะเป็น Human Type Aliens
สายพันธุ์เดียวกันกับสุภาพสตรีภาพข้างบน ตามข่าวถูกบันทึกได้ในปี 1972
นานมาแล้วเหมือนกัน
สาเหตุเพราะยานพาหนะของเธอคนนี้จะขัดข้องเลยเป็นสาเหตุให้ถูกจับได้
เป็นคนสองคนครับ คนหนึ่งเป็นสุภาพสตรีอีกคนดูเหมือนจะเป็นลูกชายของเธอ
ผมอยากให้ท่านพิจารณาดูจากลักษณะว่าคนทั้งสองและข้อมูลที่บันทึกได้จากผู้
ที่จับกุมเธอ พอจะเชื่อได้ไหมว่าไม่ใช่มนุษย์บนโลก
สุภาพสตรีคนที่ถูกจับกุมได้นี้มีหน้าตาคล้าย ๆ กับคนบนโลกทั่วไป
แต่ที่น่าสังเกตุคือมีดวงตาที่เรียกได้ว่าใหญ่มาก ๆ
แทบจะเห็นลูกตาของเธอครบวงกลมเลยก็ว่าได้
แต่ว่าข้อมูลที่บันทึกได้นี้ดูแปลกครับ ก็คือว่าสุภาพสตรีคนนี้มีส่วนสูงถึง
7 ฟุต 3 นิ้ว ก็คือสูงราว 200 กว่าเซ็นติเมตร สีตาสีฟ้า
อายุคาดว่าถ้าเทียบกับมนุษย์บนโลกจะอยู่ที่ราว 70 - 100 ปีทีเดียว
ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารได้ วันที่ถูกจับกุมได้ วันที่ 5 ธันวาคม 1972
อีกคนหนึ่งที่พบอยู่บนยานพาหนะของเธอ ดูแล้วหน้าตาเด็กมากครับ
คาดกันว่าเป็นลูกชายของเธอ หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ แต่งตัวแปลก ๆ
คล้าย ๆ ห่อด้วยผ้าคลุมนักมวย
เช่นเดียวกันดูแล้วมีดวงตาที่เรียกว่าใหญ่มาก ๆ
มองเห็นลูกตาได้ทั้งดวงเลยทีเดียว
แต่ข้อมูลที่เด็ดกว่านั้นก็คือว่า คนคนนี้ที่ดูหน้าตาคล้าย ๆ
กับจะเทียบได้ว่าเป็นเด็กทารกของโลกเรากลับมีส่วนสูงที่น่าทึ่งคือสูงถึง
5 ฟุต 1 นิ้ว ราว ๆ 150 เซ็นติเมตรเศษ
อายุของเด็กทารกคนนี้ถ้าเทียบกับมนุษย์ของโลกจะอยู่ราว 19 - 28 ปี
แหล่งข่าวภายในกล่าวต่อไปว่าทารกยักษ์คนนี้จากการ
ตรวจสอบระดับของ
I.Q. แล้ว พบว่าสูงถึง 210 ซึ่งมันมากเกินขีดจำกัดของมนุษย์ทั่ว ๆ
ไปจะมีกัน สองแม่ลูกนี้ตามข่าวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่สามารถพูดได้
แต่เขาสื่อสารกันได้
แม้ว่าตอนที่ถูกจับกุมจะถูกคุมขังให้แยกห้องขังกันก็ตาม
แต่เขาดูเหมือนจะสามารถสื่อสารกันได้
ไม่ว่าจะย้ายคนใดคนหนึ่งไปอยู่ที่ใดก็ตามแต่ ก็คือสื่อสารกันทางโทรจิต
ก็ตามข่าวสองแม่ลูกนี้สุดท้ายถูกปล่อยตัวกลับไปครับ
ถูกคุมขังประมาณ 2 ปีเศษ
ภาพด้านล่างนี้ถูกถ่ายได้มานานแล้วครับ คือตั้งแต่ปี 1959 ที่เมือง
Highbridge มลรัฐ New Jersey
คนในภาพทั้งสามนี้ค่อนข้างดังและมีชื่อเสียงมากในอินเตอร์เน็ต
สำหรับผู้ที่ค้นคว้าเกี่ยวกับสายพันธุ์มนุษย์ต่างดาว จะได้พบเห็นเสมอ
ไล่จากซ้ายไปขวาคือสุภาพสตรีมี 1 ท่านและสุภาพบุรุษอีก 2 ท่าน ชื่อ Jill ชื่อ
Donn และ Valiant Thor(จริง ๆ จะมีอีกคนชื่อ Tanyia แต่ไม่มีภาพ)
บุคคลทั้งสามในภาพตามข่าวแล้วไม่ใช่คนบนโลกหรือชาวโลกครับ
แต่เป็นมุนษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่ง เรียก Human Type Aliens
ซึ่งเดินทางมาจากดาวดวงอื่น "morning and the evening
star" หรือดาวศุกร์ Venus และเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวโลก
โดยได้พบปะกับท่านประธานาธิบดี ดไวท์ ไอเซนอาว
Dwight D. Eisenhower และท่านรองประธานาธิบดี(ในขณะนั้น)
ริชาร์ด นิกสัน Richard Nixon มนุษย์ต่างดาวที่ืชื่อ Valiant Thor
นี้พำนักอยู่ใน Pentagon
และเป็นแขกระดับ VIP เป็นเวลาร่วม ๆ 3 ปีทีเดียว
คือเขาเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีตั้งแต่วันที่
16 มีนาคม 1957 ถึง 16 มีนาคม 1960
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ไฮบริด
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้เป็นส่วนผสมของมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Greys
ที่มักจะนำมนุษย์บนโลกที่เป็นสุภาพสตรีไปเพื่อขยายเผ่าพันธุ์
ซึ่งประสบการณ์ของการถูกลักพาตัวของคนบนโลกไปบนยานจานบิน มีหลาย ๆ
รายครับ ซึ่งมันเป็นเจตนาของมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Greys นี้
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์เกรย์ Greys alien มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้พูดง่าย ๆ
ก็คือเจ้าของยานอวกาศที่คนทั่ว ๆ โลกพบเห็นกันอยู่เรื่อย ๆ นั่นละครับ
หรือเรียกยานอวกาศแบบนี้ว่า จานบิน "flying Saucer"
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้มาจากกลุ่มดาว Zeta Reticular
ซึ่งจากแหล่งข่าวที่หลุดออกมาจากการนำมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้
มาสอบสวนแล้วพบว่า อยู่ห่างจากโลกโดยประมาณ 33 ปีแสง
(ถือว่าอยู่ใกล้มาก) ลักษณะจะมีความสูงโดยประมาณ3.5 - 4.5 ฟุต ศีรษะโต
ตาโต ริมฝีปากบาง และดูเหมือนกับว่าจะไม่มีจมูก และอวัยวะสืบพันธุ์
เรียก นาคา นาคี อยู่บนโลกของเรามาหลายพันปีแล้ว อาศัยอยู่ใต้ผืนพิภพ
สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์หรือสัตว์ได้ มีบันทึกอยู่ในศาสนาที่มาจากอินเดีย
หลายศาสนาทีเดียว มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้มีคนพบเห็นเช่นกันครับ แต่ไม่บ่อย
เท่ามนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Greys จากประสบการณ์ที่คนพบเห็น
พบว่ามนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้มีส่วนสูงโดยประมาณ 7 - 9 ฟุต
สีผิวเป็นสีเขียว มีนิ้วสามนิ้ว ลักษณะคล้าย ๆ สัตว์เลื้อยคลาน
จากประสบการณ์การพบเห็นแล้วบางสายพันธุ์มีปีกด้วย เรียกว่า mothman
พบครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา
มาฟังอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลางรุ่นเก๋ากล่าวถึง Area 51
กับการได้เจอกับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Greys
ตัวจริงและจานบินที่เป็นยานพาหนะของเขาที่ไปประสบอุบัติเหตุที่เมืองรอสเวล
ฟังว่าเขากล่าวถึงเรื่องนี้กันอย่างไรและท่านประธานาธิบดีไอเซนฮาวน์คิดกับเรื่องนี้
อย่างไร และอดีตเจ้าหน้าที่ท่านนี้กล่าวในตอนทิ้งท้ายว่าเขารู้สึกโล่งและเบาไปเยอะ ๆ
เลยที่ได้ระบายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้บ้าง เพราะว่ายังมีอีกบางเรื่องที่เขาอยากจะพูดจริง ๆ
แต่ก็ไม่สามารถจะพูดออกมาได้(มันเป็นความลับขั้นสุดจริง ๆ ครับ)
ท่านประธานาธิบดี โรนัล เรแกน
Photo of President Reagan and Nancy Reagan at Camp David,
Maryland, 7/2/88. Photo courtesy of the Ronald Reagan Library.
ท่านครับ ประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจบางท่าน
พูดอะไรออกมาแปลก ๆ ฟังดูแล้วต้องตีความเหมือนกัน ไม่แค่นั้น
ไปพูดกันอยู่ในหลาย ๆ สถานที่ทีเดียวและเป็นสถานที่สำคัญ ๆ ด้วย
เช่นไปพูดอยู่ในองค์การสหประชาชาติ
จะว่าสิ่งที่ท่านประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจ
พูดออกมาจะไม่มีมูลความจริงหรือเชื่อถือไม่ได้เลยเชียวหรือ
คำกล่าวสุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญ
เนื้อหาที่จะไปพูดในสถานที่ต่าง ๆ ของระดับประธานาธิบดีแล้ว
มันก็ต้องเขียนสคริปเนื้อหา, เรียบเรียง, ลำดับ, กลั่นกรอง
ตรวจสอบความถูกต้องมาพอสมควรครับ ลองฟังดูครับ
ท่านพูดอะไรออกมาบ้าง ท่านพูดออกมาพอสมควรทีเดียว
แต่ตอนที่ท่านพูดท่านไม่ได้หัวเสียครับ
ท่านผู้นี้คือ ท่านประธานาธิบดี โรนัล เรแกนครับ เท่าที่ผมตรวจสอบดูแล้ว
ท่านประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่แทบทุกคนแล้วจะหลีกเลี่ยง
ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ และหลีกเลี่ยงมาก ๆ ที่จะไปตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
หาทางเอาตัวรอดทุกวิถีทางที่จะพูดจะกล่าวถึงเรื่อง ๆ นี้
แต่ท่านประธานาธิบดีโรนัล เรแกน ท่านนี้กลับออกมาพูดแถลงชัด ๆ
โดยไม่ต้องไปซักถามให้เสียเวลา
ท่านครับ
คำปราศรัยของประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจนี่ไม่ใช่จะพูดออก
ไปได้โดยไม่ต้องคิดครับ
เพราะว่ามันจะต้องอาจจะต้องถูกกลั่นกรองตามข้อมูลที่สืบค้นมามากถึง
30 ครั้ง ว่าสิ่งที่พูดออกมาจะต้องมีประโยชน์มีสาระและทั้งนี้อาจจะต้องถูก
Signed off(ลงนามยินยอม) โดยหน่วยงานต่าง ๆ
(เช่นหน่วยงานความมั่นคง) ด้วย
Those who have studied the making of presidential speeches realize that nothing gets into a presidential speech without good reason. Speeches are rewritten up to 30 times, and are signed off by various government agencies. Sometimes two dozen or more agencies will have to approve of what the president is saying. Every work is checked in a presidential speech.
ก็ขอไล่เรียงวันเวลาที่ท่านไปพูดในสถานที่ต่าง ๆ ไปตามนี้แล้วกันครับ
12/4/1985 President Reagan remarks to students and faculty. Fallston High School. Fallston, Maryland.
“ When you stop to think that we are all God’s children,
whenever we may live in the world, I couldn’t help but say to
him, just think how easy his task and mine might be in these
meeting that we held if suddenly there was a threat to this
world from some other species from another planet outside in
the universe. We would forget all the little local differences
that we have between our countries and we would find out
once and for all that we really are all human beings here on
this earth together”
9/21/1987 President Reagan's Address to The General Assembly. General Assembly Hall United Nations. New York.
“In our obsession with antagonisms of the moment, we often
forget how much unites all the members of humanity. Perhaps
we need some outside universal threat to make us realize this
common bond. I occasionally think how quickly our differences
would vanish if we were facing an Alien Threat from outside
this world.”
5/4/1988 President Reagan's Address to Members and Guests of National Strategy Forum. Grand Ballroom Palmer House. Chicago, Illinois.
ผมขออนุญาตไม่แปลครับ ตรงที่ขีดเส้นใต้ผมขีดเองครับ(ผมคิดว่าเป็นสาระสำคัญ)
The President first disclosed his recurrent thoughts about "an
alien threat" during a December 4, 1985, speech at the Fallston
High School in Maryland,
ตารางการทำงานของท่านประธานาธิบดีเรแกน วันที่ 4 ธันวาคม 1985
where he spoke about his first
summit with General Secretary Gorbachev in Geneva.
According to a White House transcript, Reagan remarked that
during his 5-hour private discussions with Gorbachev, he told
[Gorbachev] to think, "how easy his task and mine might be in
these meetings that we held if suddenly there was a threat to
this world from some other species from another planet
outside in the universe. We'd forget all the little local
differences that we have between our countries ..."
Except for one headline or two, people didn't pay much
attention. Not then and not later, when Gorbachev himself
confirmed the conversation in Geneva during an important
speech on February 17, 1987, in the Grand Kremlin Palace in
Moscow, to the Central Committee of the USSR's Communist
Party. Not a High School in Maryland, precisely! There, buried
on page 7A of the 'Soviet Life Supplement,' was the following
statement:
"At our meeting in Geneva, the U.S. President said that if the
earth faced an invasion by extraterrestials, the United States
and the Soviet Union would join forces to repel such an
invasion. I shall not dispute the hypothesis, though I think it's
early yet to worry about such an intrusion..."
Notice that Gorbachev doesn't say this is an incredible
proposition, he just says that it's too early to worry about it.
If Gorbachev elevated the theme from a high school to the
Kremlin [palace], Reagan upped the stakes again by including
the "alien threat" [again], not in a domestic speech but to a full
session of the General Assembly of the United Nations.
Towards the end of his speech to the Forty-second Session on
September 21, 1987, the President said that, "in our obsession
with antagonisms of the moment, we often forget how much
unites all the members of humanity. Perhaps we need some
outside, universal threat to make us recognize this common
bond.
ตารางการทำงานของท่านประธานาธิบดีเรแกน 21 กันยายน 1987
"I occasionally think," continued Reagan, "how quickly our
differences worldwide would vanish if we were facing an alien
threat from outside this world. And yet, I ask" -- here comes
the clincher -- "is not an alien force ALREADY among us?" The
President now tries to retreat from the last bold statement by
posing a second question: "What could be more alien to the
universal aspirations of our peoples than war and the threat of
war?" Unlike the off-the-cuff remarks to the Fallston High
School, we must assume that the President's speech to the
General Assembly was written very carefully and likewise, it
merits close examination.
Ronald Reagan has told us that he thinks often about this issue,
yet nobody seems to be paying attention. When the President
mentioned last May 4 in Chicago for the third time the
possibility of a threat by "a power from another planet," the
media quickly dubbed it the "space invaders" speech,
relegating it to a sidebar in the astrology flap. The ET remark
was made in the Q&A period following a speech to the National
Strategy Forum in Chicago's Palmer House Hotel, where he
adopted a more conciliatory tone towards the Soviet Union.
Significantly, Reagan's remark was made during his response
to the question, "What do you consider to be the most
important need in international relations?"
"I've often wondered," the President told us once again, "what
if all of us in the world discovered that we were threatened by
an outer -- a power from outer space, from another planet."
And then he emphasized his theme that this would erase all the
differences, and that the "citizens of the world" would "come
together to fight that particular threat..."
There is a fourth, unofficial, similar statement from Ronald
Reagan about this particular subject. It was reported in the
New Republic by senior editor Fred Barnes. The article
described a luncheon in the White House between the
President and Eduard Shevardnatze, during the Foreign
Minister's visit to Washington to sign the INF Treaty on
September 15, 1987.
(ตารางการทำงานของท่านประธานาธิบดีเรแกน วันที่ 15 ก.ย. 1987)
"Near the end of his lunch with
Shevardnadze," wrote Barnes, "Reagan wondered aloud what
would happen if the world faced an 'alien threat' from outer
space. 'Don't you think the United States and the Soviet Union
would be together?' he asked. Shevardnadze said yes,
absolutely. "And we wouldn't need our defense ministers to
meet,' he added."
The fact that there are so many references in important
speeches, off-the-cuff remarks, and just plain conversations,
means that -- for whatever reason or knowledge about deep
UFO secrets that he may have as President -- Ronald Reagan
does think often about the possibility of an alien invasion, and
how this event could become a catalyst for world unity. Talking
about these UFO secrets, there is also an unconfirmed story of
a special story of a special screening in the White House of the
movie "ET" at few years ago, with director Steven Spielberg
and a few selected guests. Right after the movie, Reagan
supposedly turned to Spielberg and whispered something to
the effect, "There are only a handful of people who know the
truth about this."
Indeed, more than one ufologist has even suggested that the
real target behind "Star Wars" -- another of Reagan's cosmic
obsessions -- is the projected ET invasion and not the Russians.
Others talk of wild "deals" between the U.S. Government and
race of gray dwarfs, better known for the appetite for
abducting humans ... Stop! We're entering the forbidden
terrain of tabloid revelations, like the SUN's screaming
headline that "Reagan will end his presidency by adding
several planets as states." Just think about it.
จากการสืบค้นแล้วท่านประธานาธิบดีโรนัล เรแกน
เป็นหนึ่งในอีกหลาย ๆ
คนของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ทราบความลับขั้นสุดบางอย่าง
คือเรื่องของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว(UFO and Aliens)
ในยุคสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลางให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับ
มนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก
ในยุคสมัยท่านนั้นหน่วยข่าวกรองกลางระบุว่ามีอย่างน้อย 5
สายพันธุ์(ตอนนี้พบว่ามีมากกว่านี้)
ทั้งนี้แล้วยังสามารถระบุและให้ชื่อแต่ละสายพันธุ์ได้ด้วย ซึ่งทั้ง 5
สายพันธุ์ที่กล่าวคือ สายพันธุ์ Ebens, Archquloids, Quadloids,
Heplaloids และ Trantaloids มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Ebens
เป็นมิตรที่สุด ส่วนมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Trantaloids
ไม่เป็นมิตรมากที่สุด
อีกเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจก็คือ มีเวบอยู่เวบหนึ่งตามแอดเดรส
นี้ https://www.reaganfoundation.org/ เวบนี้จะเป็นเวบที่
รวบรวมวัน เวลา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ท่านประธานาธิบดีเรแกน
ดำรงตำแหน่งอยู่ เช่นวันและเวลาใดท่านประธานาธิบดีเรแกนไปทำ
อะไรพบปะกับใครที่ไหนบ้าง ตรงจุดนี้เรียกว่าเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อ
ถือได้อีกทางหนึ่งสำหรับการค้นหาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีต และก็มี
คนตาดีผู้สนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ บางครั้งเข้าไปสืบค้นก็
พบเห็นข้อมูลแปลก ๆ ที่ท่านประธานาธิบดีเรแกนเคยพูด ๆ ไว้ใน
อดีต คำพูดของท่านประธานาธิบดีเรแกนบางครั้งก็ฟังดูแปลกและ
น่าสนใจจริง ๆ ท่านไม่สามารถพูดอะไรออกมาตรง ๆ ได้หรือว่าท่าน
กำลังจะบอกใบ้ ๆ อะไรบางอย่างให้สาธารณะชนรู้ ลองคลิกเข้าไปที่
ลิงค์นี้แล้วอ่านดูครับ
https://www.reaganfoundation.org/ronald-reagan/white-house-diaries/diary-entry-06111985/
Lunch was with 5 top space scientists. It was fascinating.
Space truly is the last frontier and some of the
developments there in astronomy etc. are like science
fiction except they are real. I learned that our shuttle
capacity is such we could orbit 300 people. มื้อทานอาหาร
เที่ยงกับสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำทั้ง 5 วันนี้ ทำให้ผมรู้สึก
ประหลาดใจ, ทึ่งและตื่นเต้นมากที่ว่า อวกาศถึงแม้จะเป็นปราการ
ด่านสุดท้ายของการเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ทางดาราศาสตร์
หรือศาสตร์อื่น ๆ เฉกเช่นกับนิยายวิทยาศาสตร์ที่เรารู้ ยกเว้นแต่ว่านี่
เป็นความจริง และความจริงที่ว่านี้คือตอนนี้ยานพาหนะของเรามีขีด
ความสามารถที่จะเคลื่อนย้ายคนขึ้นไปวงโคจรบนอวกาศได้ครา
เดียวทีเดียวถึง 300 คน
(คำกล่าวนี้กล่าวเมื่อวัน อังคารที่ 11 มิถุนายน 1985 คำถามคือถ้า
ถึงเวลานี้ผ่านไป 33 ปีแล้ว ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อวกาศ
ของประเทศมหาอำนาจประเทศนี้ มันไปถึงไหนแล้ว)
มาฟังท่านประธานาธิบดี Harry S Truman
พูดถึงเรื่องลักษณะนี้ในอดีตบ้างครับ
ท่านผู้นี้เป็นประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี
ค.ศ. 1945 - 1953 ท่านผู้ถึงเรื่องวัตถุบินลึกลับที่พิสูจน์ไม่ได้
ท่านเรียกมันว่า Flying Saucer(จานบิน) ครับ
คำนี้ใช้กันมานานพอควรเหมือนกัน
คลิปนี้ดูเหมือนกับว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จนถูกบังคับให้
ตอบคำถามสังคมเมื่อมีวัตถุบินลึกลับกลุ่มใหญ่
บินผ่านน่านฟ้าเหนือทำเนียบขาว กรุง วอชิงตัน ดีซี
ในช่วงวันที่ 12 - 29 ก.ค. 1952 เรียกเหตุการณ์นี้ว่า
Washington UFO Flap, Washington flap, the Washington
National Airport Sightings, or the Invasion of Washington
มันเป็นเหตุการณ์ที่ชัดเจนจนยากที่จะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามได้
ฟังท่านประธานาธิบดี Harry S Truman พูด(หลุด)
อะไรบางอย่างออกมาครับ ต้องสังเกตุสีหน้าท่านเวลาตอบคำถามด้วย
คล้าย ๆ ท่านเองก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ออกมาเหมือนกัน
ท่านหลุดคำว่า "Flying Saucer" หรือก็คือ "จานบิน" ออกมาครับ
ที่ถูกต้องแล้วหากท่านต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ท่านไม่ควร
พูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกมา อาทิ UFO, Aliens, Flying Saucer
ท่านถูกซักเสียจนลืมไปพูดออกมา ท่านครับ
ถ้านับตำแหน่งที่ท่านประธานาธิบดีคนนี้ดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบันก็
น่าจะร่วม 70 ปีแล้ว นั่นแสดงว่าคำว่า "Flying Saucer"
หรือจานบินนั้นไม่ใช่คำใหม่อะไรเลย คนในอดีตรู้
เห็นและทราบกันมานานแล้ว และทั้งนี้ยังเป็นคนตั้งชื่อเองอีกด้วย
ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในยุคหลัง ๆ
นี้ไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ ระมัดระวังตัวมาก
ไม่แม้แต่จะใช้ศัพท์เหล่านี้ในการพูดด้วยในกรณีที่ถูกนักข่าวสัมภาษณ์
ต้อนคำถามสัมภาษณ์ด้วย
มีคนกล่าวบนเวทีว่าความลับจะยังคงเป็นความลับหากยังไม่แพร่งพราย
ออกมา เพราะเพียงแค่ท่านบอกความลับออกไปแค่ครั้งเดียว
ความลับนี้ก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไปเพราะความลับไม่ใช่อวัยวะ
บางส่วนบนร่างกายที่ถึงจะนำออกมาแสดงอีก 10 ครั้ง
มันก็ยังคงต้องเป็นความลับอยู่ดี
ถอดคำพูดท่านประธานาธิบดี Harry Truman ดูครับ
คำถาม Press conference is going to be the fair talk to you or
concern you about the unknown unindentified flying object
คำตอบ Oh, yes We discuss it at every conference that we had
with the military and they never had been never were able
to make me a concrete report on that
คำถาม you had anything on this subject sir.
คำตอบ No, I had no anything on subjective there's always things like that going on that flying saucers and they have had other things you know
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคำพูดของท่านประธานาธิบดีแต่ละคนของสหรัฐจะมี
ความขัดแย้งกันเองหรือไม่
จนปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่มีวัตถุพยานใด ๆ
ที่จะบ่งว่ามีชีวิตดำรงอยู่บนดาวดวงอื่น
หรือแม้แต่สิ่งมีวิตจากนอกโลกที่จะมาติดต่อหรือมีปฎิสัมพันธ์ใด ๆ
กับมนุษย์โลก ทั้งนี้แล้วยังอาจจะไม่เชื่อใด ๆ
ได้ว่ามีประจักษ์พยานที่ทางรัฐบาล ฯ
จะปกปิดซ่อนเร้นสิ่งเหล่านี้จากสายตาสาธารณชน
ประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ กับเหตุการณ์ที่ท่านได้พบเห็น UFO
ท่านเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนที่ 39
ซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงปี 1977 - 1981
ท่านเองยอมรับว่าเคยพบเห็นวัตถุแปลก ๆ
บนท้องฟ้าเช่นกันในเดือนตุลาคม ปี 1969
ผมเจอคลิปอีกคลิปหนึ่งที่มีความน่าสนใจเกี่ยวกับท่านประธานาธิบดี
จิมมี่ คาร์เตอร์เช่นเดียวกันครับ น่าสนใจมากทีเดียว "Will you tell the
truth to amarican people about Ufo"
เป็นคำถามที่ท่านถูกถามตอนที่ท่านเดินสายออกหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง
เป็นประธานาธิบดี คุณจิมมี่ คาร์เตอร์ ตอบทันทีโดยไม่ลังเลว่า
"Yes I will." ผมจะแสดงทุกอย่างที่รู้ ซึ่งภายหลังในปี 1977
ที่ท่านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ท่านออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองกลางชาติ CIA
เปิดเผยความลับเกี่ยวกับ Ufo และมนุษย์ต่างดาว(Extra terrestial life)
สิ่งที่ได้รับก็คือทางหน่วยข่าวกรองกลางตอบปฎิเสธไป
สุดท้ายท่านใช้วิธีอื่นก็คือเรียก
ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางแห่งชาติไปพบ คือคุณ จอร์จ เอช บุช
(ภายหลังท่านนี้ได้เป็นประธานาธิบดีเ่ช่นเดียวกัน) คุณจิมมี่ คาร์เตอร์
ถามคุณบุชอย่างตรงไปตรงมาว่า "Mr.Director can you tell me what
the CIA know about UFO"
คุณผู้อำนวยการคุณจะบอกผมได้ไหมเกี่ยวกับเรื่องของยูเอฟโอที่ทาง
หน่วยข่าวกรองกลางชาติรู้ทั้งหมด
ท่านผู้อำนวยการฯ
ท่านนี้ซึ่งไม่คิดว่าประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นรถโดยสาร
คำตอบที่ท่านผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางตอบท่านกลับไปถึงกับ
ทำท่านประธานาธิบดีอึ้งทีเดียวว่า "Mr. President elected You have
no need to know"
หรือท่านประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนครับ
ท่านไม่มีความจำเป็นต้องทราบเรื่องนี้
เพราะว่าผมจะไม่บอกและคงไม่อนุญาตให้ท่านไปพูดเรื่องนี้ที่ไหนด้วย
(อึ้งจริง ๆ กล้ามาก ๆ)
ที่ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางแห่งชาติซึ่งโดยตำแหน่งแล้วก็
เล็กกว่าประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนค่อนข้างมาก
จะพูดอะไรอย่างนี้ออกมา "The UFO Secret is a highest level of top
secret than you eventhough you commander in cheif"
ความลับเกี่ยวกับยูเอฟโอเป็นความลับระดับสูงสุด
ที่แม้แต่ท่านที่มีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ยังไม่สามารถสั่งให้เปิดเผยได้
สุดท้ายแล้วท่านผู้อำนวยการและหน่วยข่าวกรองกลางแห่งชาิติชนะ
เพราะว่าผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางก็ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป
ส่วนคุณจิมมี่ คาร์เตอร์ ก็ U Turn ก้มหน้าก้มตา
ออกมาปฎิเสธกับสาธารณชนที่เขาไปสัญญาดิบดีกับเขาไว้ว่า
เรื่องนี้คงไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้เหตุผลว่า "A serious threat to
national security" และหลังจากนั้นคุณจิมมี่ คาร์เตอร์
ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลย
จากการสืบค้นต่อไปพบว่า คุณจอร์จ บุช(ซีเนียร์)
ซึ่งภายหลังได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
ท่านคนนี้ตามข่าวแล้วรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ๆ ทีเดียว
เป็นถึงผู้อำนวยการ CIA และเป็นไปได้ว่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิก MJ12
ซึ่งก็คือบุคคลอันทรงอิทธิพลที่ถูกคัดออกมาเพียง 12 คน
ที่จะสามารถอนุญาตให้รู้เรื่องที่คนทั่ว ๆ ไปไม่สามารถอนุญาตให้รู้
ท่านเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่อยากพูดความจริง
ออกมาเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมันพูดออกมาไม่ได้
ทั้งนี้แล้วท่านก็ได้หลุดประโยคบางประโยคออกมาซึ่งความจริงแล้วไม่น่า
อย่างยิ่งที่จะพูดออกมาในที่สาธารณะ
จนกระทั่งต้องถูกผู้ดำเนินการจัดการปาฐกถาคั่นจังหวะด้วยคำถามอื่น
ก่อน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนท่านช่วยคุณ เจฟ บุช
น้องชายท่านหาเสียง ท่านพูดออกมาว่า
“Americans can’t handle the truth”
หรือก็คือคนอเมริกันจะรับความจริงไม่ได้(ถ้าเรื่อง UFO ถูกเปิดเผย)
During a recent fundraiser in Orlando to prop up Jeb’s failing
Presidential campaign, Bush Sr was wheeled out and shocked
the crowd. An activist asked when the US government would
tell the truth about UFOs. Bush Sr, shocked everybody when he
replied, “Americans can’t handle the truth” before questioning
was briefly halted by event organizers.
หรือเป็นไปได้ไหมว่าพวกท่านที่ทรงอิทธิพลอยู่ทุกวันนี้ไปทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับเขาไว้ ถึงบอกคนทั่ว ๆ ไปให้รู้ไม่ไ้ด้
ประธานาธิบดีิริชาร์ด นิกสัน กับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ UFO
ท่านครับ ส่วนหนึ่งที่สำนักหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ
มักจะไม่ประสงค์ให้คนทั่วไปล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของ ยูเอฟโอ หรือ
มนุษย์ต่างดาว
ไม่เว้นแม้แต่ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศตัวเอง
ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้ามารู้หรือสอบถามได้
สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ ถึงแม้ท่านประธานาธิบดีจะมีความรักชาติ
สามารถรักษาความลับไว้ได้
แต่ก็เป็นไปได้ว่าคนใกล้ตัวท่านซึ่งท่านอาจจะไปพูดหรือบอกความลับ
อะไรบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ จะไม่สามารถรักษาความลับเอาไว้ได้
ซึ่งในที่สุดความลับที่อุตส่าห์รักษาไว้อย่างลับสุดยอด
ก็จะถูกแพร่งพรายออกมาจนได้นั่นเอง
ฉะนั้นแล้วความลับขั้นสุดแล้วต้องไม่บอกใครทั้งนั้น
หากว่าบุคคลนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่อง ๆ นี้
เรื่องก็มีอยู่ว่า มีชายคนหนึ่งเป็นคนดังชื่อว่าคุณ Jackie Gleason
ซึ่งตามข่าวท่านเป็นเพื่อนกับท่านประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน
คุณแจ๊กกี้ปกติท่านเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว
คุณแจ๊กกี้ซึ่งมักจะออกรอบตีกอล์ฟกับคุณริชาร์ด นิกสัน
จึงทำให้มีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
เหตุการณ์เกิดตอนทริปที่ฟลอริด้า
เรื่องมาจากการเปิดเผยของภรรยาคุณแจ๊กกี้ในการให้สัมภาษณ์กับ
นิตยสารฉบับหนึ่ง ภรรยาคุณแจ๊กกี้บอกว่าคุณแจ๊กกี้เล่าให้เธอฟังว่า
ท่านประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน
พาคุณแจ๊กกี้เข้าไปดูอะไรบางอย่างในเขตหวงห้ามทางทหาร
สถานที่แห่งนี้คือ Homestead Air Force Base
คุณแจ๊กกี้กลับเข้ามาบ้านในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1973
คุณแจ๊กกี้กลับเข้าบ้านช้ากว่าปกติ ซึ่งกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
ก็แน่นอนตามธรรมดา ภรรยาก็สอบถามว่าไปไหนมา
ทำไมถึงกลับถึงบ้านช้า
คุณแจ๊กกี้ซึ่งท่านเองก็ด้วยความเป็นสามีโดยไม่ได้ตั้งใจพูดอะไร
บางอย่างที่ท่านเองก็คงลืมไปว่าสิ่งนี้ไม่ควรจะถูกพูดออกมา
เขาบอกกับภรรยาเขาว่าเขาได้ไปที่ ฐานทัพอากาศ Homestead
โดยโดยสารไปกับรถของท่านประฐานาธิบดี นิกสัน
ซึ่งสามารถจะผ่านจุดตรวจความปลอดภัยที่มีทหารเฝ้าอย่างเข้มงวด
ก็ด้วยการโดยสารท่านประธานาธิบดีนิกสันเข้าไปในนั้น
ท่านประธานาธิบดี
ได้ให้ท่านเข้าไปในสถานที่หวงห้ามและได้เปิดเผยร่างกายของสิ่งมีชีวิต
ชนิดหนึ่งซึ่งดูคล้ายคน แต่ไม่ใช่คน
สิ่งมีชีวิตนี้เสียชีวิตแล้วมีขนาดความสูงน่าจะราว 3 - 4 ฟุต
และไม่มีผมหรือขนใด ๆ ปกคลุม
Twenty four years after his death, Jackie Gleason is still a household name, and many of the characters he played are legendary; timeless foundations to modern entertainment. Characters like The Honeymooner’s Ralph Kramden and Sheriff Buford T. Justice of Smokey and the Bandit have been iconic molds for characters that are repeated in movies and TV to this day. It is no wonder that such a famous comedian would have friends at the highest levels of society, even Presidents. But would one of his presidential buddies cherish their friendship so much that he would indulge Gleason’s obsession with the paranormal by showing him the bodies of recovered aliens hidden in a US Air Force base?
It was no secret that Gleason was into the occult and the paranormal, although he didn’t like to speak publicly about it. In particular he had a fascination with UFOs. According to Rendlesham witness, Larry Warren, who Gleason had talked with on several occasions, Gleason had a huge UFO library. The library was donated to the University of Miami after his death.
Gleason was a staunch supporter of the Republican Party and eventually became good friends with Richard Nixon. Gleason and Nixon would golf together, and according to Gleason, Nixon shared his interest in UFOs, although he didn’t like to talk much about it. It was during a trip to Florida – to help support a charity event that Gleason was sponsoring – that Nixon decided it was time to show his friend what he was looking for.
In an interview with Gleason’s second wife, Beverly McKittrick, by Esquire Magazine about a book she was planning to write, she revealed that Gleason had told her that Nixon had shown Gleason alien bodies. The story goes that Gleason arrived home unusually late on the evening of February 19, 1973. Worried, McKittrick questioned his whereabouts. She said in the interview that his face looked “haggard”, and that he said he had been to Homestead Air Force Base and had seen alien bodies. He described them as small, “only about two feet tall, with bald heads and disproportionately large ears.”
Gleason told her that he could not get many answers, but that a spacecraft must have crashed nearby. She says that he was so preoccupied about the event that he continued to talk about it the next morning.
In 2003, in an interview with Kenny Young, McKittrick said that Gleason was not happy with the news of his visit to Homestead being leaked. He never denied the incident, but was so upset with the story getting out that, although they were already separated, he cut off his relationship with McKittrick completely.
Since the release of the story, researchers had been clamoring for more information, but Gleason wasn’t talking. Warren says that on one occasion, at Gleason’s house in Westchester County, New York, Gleason finally opened up to him about the event after a few drinks. Gleason told him that Nixon had arrived at Gleason’s house alone in his private car. Nixon told Gleason that he wanted to show him something. Nixon continued to drive Gleason to Homestead. At the gate, a shocked security guard waved them through.
They drove to a well-guarded building, and walked in. Inside the building were a number of labs, but they eventually arrived at an inner chamber. Here they found several containers that looked like “glass-topped Coke freezers.” Inside was what Gleason described as looking like “mangled children,” but upon closer examination were not human, and actually looked quite old. After telling him the details of the visit, Gleason told Warren that he was very upset that the government would not share this information with the public.
ผมเจออยู่คลิปหนึ่งที่น่าจะพอยืนยันได้ว่าแม้แต่บุคคลที่เป็นถึง
ประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจก็เป็นไปได้ว่าจะไม่ได้รับโอกาส
ให้รู้เรื่องสิ่งมีชีวิตนอกโลก เพราะว่าคนที่พูดถึงเรื่องนี้ออกมาก็คือ
คุณบิล คลินตัน ตอนที่ท่านยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ท่านไปพูดที่กรุง Belfast ไอร์แลนด์เหนือ เมื่อวันที่ 30 ปี 1995
ประมาณเดือนพฤศิจกายน มีคนอยู่ท่ามกลางการปราศรัียประมาณ
80,000 คน เรื่องก็คือมีเด็กชายชาวไอร์แลนด์อายุ 13
ปีคนหนึ่งชื่อ Ryan เขียนจดหมายมาถึงท่าน
ถามถึงเรื่องจานบินตกที่เมืองรอสเวลล์เมื่อปี 1947
ท่านตอบสดโดยกล่าวว่า Ryan
ถ้าเธออยู่ที่นี้สิ่งที่จะบอกก็คือตราบเท่าที่ฉันรู้
มันไม่มีจานบินตกลงมาจริงในปีนั้น
แต่ถึงแม้ว่าทางกองทัพอากาศของฉันจะพบหรือเจอจริง
(จานบิน, มนุษย์ต่างดาว) เขาก็คงไม่บอกเรื่องนี้กับฉันเหมือนกัน
และแน่นอนว่าฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน
ท่านประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนนี้ตอบคำถามนี้ได้ดีทีเดียวครับ
ไม่ตอบรับและไม่ปฎิเสธ แต่บอกอะไรบางอย่างเป็นนัยว่าเรื่องนี้สำคัญ
จริง ๆ เป็นความลับระดับชาติจริง ๆ
ขนาดท่านเองอยากจะรู้ก็ยังไม่สามารถจะรู้ได้
เป็นอีกคลิปหนึ่งที่ยืนยันในสิ่งที่ท่านประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์
เคยมีประสบการณ์มาก่อน จริง ๆ
แล้วคำถามที่ผ่านการคัดเลือกให้ท่านตอบมีอยู่ 2
ฉบับแต่ท่านกลับไม่ตอบจดหมายทั้งสองฉบับนี้แต่กลับจะเลือกที่จะตอบ
คำถามของเด็กชาย Ryan
"I got a letter from 13-year-old Ryan from Belfast. Now, Ryan, if you're out in the crowd tonight, here's the answer to your question. No, as far as I know, an alien spacecraft did not crash in Roswell, New Mexico, in 1947. And, Ryan, if the United States Air Force did recover alien bodies, they didn't tell me about it, either, and I want to know."
ก็ขอยืนยันคำพูดของท่านประธานาธิบดี บิล คลินตัน อีกครั้งครับ
ว่ากองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกาคงไม่ยอมที่จะบอกอะไรเรื่องนี้กับ
ใครจริง ๆ คลิปด้านล่างนี้มาจาก CNN ครับ เชื่อถือได้แน่นอน
คลิปนี้นักข่าวซักสด และทางเจ้าหน้าที่เขาก็ตอบสดเช่นกันครับ
เขาระมัดระวังคำพูดของเขามาก ๆ เลยครับ
เจ้าหน้าที่ที่กำลังตอบคำถามคนนี้คือผู้พัน John Haynes
ท่านตอบอย่างเดียวว่า "ไม่"
อย่างไรก็ต้องสังเกตุสีหน้าแววตาท่าทางของท่าน
ตอนตอบคำถามด้วยครับ
นิทานเรื่องนี้สอนอะไรบางอย่าง วันที่ 7 ธันวาคม 2012
ท่านผู้นำระดับโลกบางคนก็พูดอะไรแปลก ๆ ออกมาเหมือนกันครับ
เขาพูดโดยไม่ทันระวังตัวเพราะเข้าใจว่าสัญญาณเสียงถูกตัด
ไปแล้ว แต่จริง ๆ ยัง ท่านนายกรัฐมนตรี Medvedev
แห่งสหพันธรัฐรัสเซียครับฟังเขาพูดครับ
ว่าประธานาธิบดีของรัสเซียคนใหม่ถ้าขึนมารับตำแหน่งแล้ว
สิ่งที่ท่านประธานาธิบดีจะได้รับมอบนั้นนอกจากกระเป๋าชนวนที่บรรจุ
รหัสรับการปล่อยนิวเคลียร์แล้ว อีกสิ่งที่จะได้รับมันจะคืออะไร
ผมไม่คิดว่าเขาพูดเล่่นครับ
คลิปนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ในสถานีโทรทัศน์ในประเทศรัสเซียครับ
แต่ถูกส่งต่อไปยังสำนักข่าวรอยเตอร์แทน
Another of the journalists asked whether the president is
handed secret files on aliens when receiving the briefcase
needed to activate Russia's nuclear arsenal.
"Along with the briefcase with nuclear codes, the president of
the country is given a special 'top secret' folder.(แฟ้มลับพิเศษ)
This folder in(ซึ่งแฟ้มนี้)
its entirety contains information about aliens who visited our
planet.(ถูกบรรจุด้วยข้อมูลของมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกเรา)"Along
with this,(ทั้งนี้แล้ว) you are given a report of the ท่านก็จะได้รับ
ข้อมูลลับหน่วยข่าวกรองของเราที่ทำงานเกี่ยวกับข้อมูลหรือปฎิบัติการ
ของมนุษย์ต่างดาวที่อยู่บนผืนแผ่นดินของเรา
absolutely secret special service that exercises control over
aliens on the territory of our country ... ถ้าท่านอยากได้ข้อมูลที่มา
กกว่านี้ก็ไปหาชมได้ในภาพยนต์ชื่อ men in black(ของรัสเซีย)
More detailed
information on this topic you can get from a well-known movie
called 'Men In Black' ... I will not tell you how many of them
(ผมตอบคุณไม่ได้หรอกว่ามีมนุษย์ต่างดาวบนโลกใบนี้มากเท่าไรที่อยู่ท่าม
กลางเรา ๆ )are among us because it may cause panic,"
(เพราะว่ามันจำทำให้คนตื่นตระหนกได้)
ผมเองก็หาข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนต์ Men In Black ในภาคของ
รัสเซียมาฝากครับ จริง ๆ แล้วหนังในชื่อเดียวกันนี้ของอเมริกาก็มี
เช่นกันดังด้วย ฝากให้ท่านชมครับ
ท่านประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้
อาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ UFO
ซึ่งครั้งหนึ่งท่านเคยกล่าวไว้ว่า “There is considerable knowledge as
far as actual being of UFO and ET phenomenon that we are
aware of today.” -President JFK
มันมีความรู้อะไรอีกหลายอย่างที่เกินกว่าที่เราคิดหรือเห็นเกี่ยวกับ
ยูเอฟโอ หรือ มนุษย์ต่างดาว
แม้กระทั่งการอสัญกรรมของท่านก็มีฝรั่งบางคนสงสัยเหมือนกันว่า
เป็นไปได้ไหมว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเรื่อง ๆ นี้
PRESIDENT John F Kennedy was shot dead because he
demanded the release of top-secret UFO files from the CIA, an
alien researcher has sensationally claimed.
Yes, just a week before his death JFK wrote a memo to CIA to
release all pertinent info to NASA, but somehow he was killed
before it ever happened.
ก็มีเรื่องเล่ากันในวงในว่า ปัจจุบันนี้ทำเนียบขาวกำลังทำงานร่วมกันกับ
มนุษย์จากนอกโลกหลายสายพันธุ์ทีเดียว มนุษย์จากนอกโลกบางสาย
พันธุ์มีลักษณะที่คล้ายกับมนุษย์บนโลกมาก หรือแม้กระทั่งบางทีสามารถที่
จะแปลงร่างให้ดูเป็นมนุษย์โลกก็ยังได้เลย ก็มีคนตาดีพยายามจับสังเกตุ
ตรงจุดนี้ว่า มีความพอเป็นไปได้ไหมว่าข่าวที่รั่วออกมานี้จะเป็นจริง ก็ตาม
ภาพด้านล่างกับคลิปด้านล่างครับ คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้
ท่านประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ทีเดียวเป็นฝรั่งผิว
ขาว แต่ว่าหากพิจารณาให้ดีดีแล้วมันดูไม่เหมือนกับคนปกติธรรมดาเลย
ดูตามภาพด้านล่างครับ ผมไม่ต้องบอกว่าเป็นใครผมว่าท่าน ๆ ดูเองยังรู้
ได้เลยว่าควรจะเป็นคนไหน โครงสร้างหน้าตา บุคลิก มุมปาก สีหน้า ความ
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ปกติของเขาดูแล้วแปลกจริง ๆ ถ้าจะดูภาพ
เคลื่อนไหวให้ไปดูคลิปด้านล่างครับ ในคลิปเขาจับสังเกตุความผิดปกติ
ของเจ้าหน้าที่ท่านนี้ไว้เช่นกันว่ามีท่าทางที่ดูแปลกมาก ๆ
ในคลิปนี้มีคนจับสังเกตุว่า ชายคนนี้ที่ทำหน้าที่อารักขาท่านประธานาธิบดี
โดนัล ทรัมป์ มีบุคลลิกท่าทางลักษณะที่ดูแปลกจริง ๆ คือเขาใช้มือซ้าย
ของเขาจับที่นิ้วก้อยขวาของเขาตลอดเวลาเลย ในตอนแรกเข้าใจว่าจะเป็น
มือปลอมหรือแขนปลอมหรือเปล่า ส่วนมือจริงจะอยูในเสื้อนอกคอยจับ
อาวุธอยู่ แต่สุดท้ายแล้วในคลิปจะพบว่ามืออันนี้ของเขาขยับได้และนิ้วก็
สามารถจะขยับได้ด้วยจึงน่าจะเป็นมือจริง นิ้วจริง อันนี้ผมตั้งข้อสงเกตุเอง
ว่า นิ้วมือของเขาดูยาวกว่าคนปกติและดูเหมือนจะมองไม่เห็นข้อนิ้วมือที่
ชัดเจน ถ้าให้สังเกตุที่นิ้วโป้งขวาแล้ว มันแปลกมาก ๆ ดูยาวอย่างผิดรูป
ร่างของคนทั่ว ๆ และดูไม่เหมือนจะเป็นนิ้วโป้งด้วยทั้งนี้สีหน้าของเขาก็ดู
เฉยมากไม่เปลี่ยนเลยตลอดการเดิน เจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นคนที่สามารถนั่ง
ด้านหลังของท่านประธานาธิบดีได้โดยตรงอยู่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี
ที่สุดและในคลิปก็เป็นคนแรกที่วิ่งไปเปิดประตูรถ อันนี้เข้าใจว่าน่าจะเป็น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับหัวหน้าหัวกะทิเลย ดูคลิปด้านล่างอีกที
ครับ
ภาพด้านล่างนี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่านหนึ่งของท่าน
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในวันประชุม AIPAC(American Israel
Public Affairs Committee) ปี ค.ศ.2012 ภาพ
นี้ถูกบักทึกได้ในระยะไกล แต่เมื่อลองซูมภาพเข้ามาแล้วจะพบว่าคนคนนี้ดู
แล้วก็เป็นอีกคนที่ดูแปลก คือ ดูจากด้านข้างของศีรษะ ลักษณะกระโหลก
ศรีษะแล้ว ดูไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาเลย ผู้สันทัดกรณีชาวฝรั่งบอกว่าเป็น
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่งเรียกว่า "Reteliens" มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์
นี้มีตัวตนจริงปัจจุบันทำงานร่วมกันกับทำเนียบขาวหรือหน่วยข่าวกรอง
ของสหรัฐฯ และใน Area 51 สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้สามารถแปลงร่างแปลง
กายให้เป็นมนุษย์หรือสัตว์บนโลกได้ ถิ่นพำนักอาศัยอยู่
ใต้ผืนพิภพในแถบเอเชียกลางและเอเชียใต้ เรียกว่าเมืองบาดาล คนใน
แถบเอเชียใต้ดูเหมือนจะรู้จักพวกเขากันมานานแล้วทีเดียวเรียกว่าเป็น
"Naga" ภาษาไทย นาคา รูปกายดั้งเดิมดูคล้ายงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน
ปรากฎและบันทึกอยู่ในศาสนาในแถบเอเชียใต้อ้างอิงมาเป็นพัน ๆ ปีว่ามี
ตัวตนจริงเช่นศาสนาฮินดู, ศาสนาพุทธ ฯลฯ แต่ปัจจุบันนี้ไม่สามารถจะ
อธิบายหรือพิสูจน์ได้ว่าคือสิ่งมีชีวิตอะไรกันแน่ ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์จะ
อธิบายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ผืนพิภพ ภาษาฮินดูเรียกภพ
"Patala" มีสองเพศ เพศผู้เรียก "Naga" เพศหญิงเรียก "Nagi" มีฤทธิ์ที่
คนธรรมดาทำไม่ได้ สามารถจำแลงร่างได้ อันนี้ต้องไปศึกษาลึกลงไปใน
คัมภีร์ของบางศาสนาให้ละเอียดจะได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นครับ ฝรั่งพันธุ์
แรกจากบันทึกที่รู้หรือจับเรื่องนี้ได้จะเป็นฝรั่งทางนาซีเยอรมันนี
ตรงนี้ไม่ใช่แค่มีภาพแต่มีคลิปเต็มในวันที่คุณโอบามาอยู่ในห้องแถลง
ข่าว และก็แน่นอนงานที่ใหญ่เช่นนี้ก็ย่อมจะเต็มไปด้วยกล้องต่าง ๆ ทั้ง
กล้องวีดีโอหรือกล้องถ่ายภาพธรรมดา คลิปนี้ถูกนำมาวิเคราะห์อย่าง
ละเอียดอีกครั้ง อันนี้น่าสนใจเหมือนกันครับ ชมได้ด่านล่างครับในคลิป
ฝรั่งเขาวิเคราะห์ได้ละเอียดทีเดียวว่า ชายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ในทีมของคุณโอบามาคนนี้ มีลักษณะที่เรียกว่า Shape-Shifting คือ
เปลี่ยนหรือค่อย ๆ กลายร่างเป็นอะไรบางอย่างที่ดูแล้วแปลกไป ก็คือเขา
สันนิษฐานว่าชายคนนี้อาจจะไม่ใช่คนธรรมดานั่นเอง แต่เป็นอมนุษย์สาย
พันธุ์หนึ่งที่ทำงานร่วมกับทางทำเนียบขาว
คลิปด้านล่างนี้เป็นคลิปเต็มการประชุมในวันนั้น
The Greada Treaty
เรื่อง ๆ นี้ผ่านมานานแล้ว ผมเองเคยฟังมาตั้งแต่สมัยยังวัยรุ่นว่า
มีประธานาธิบดีคนหนึ่งของสหรัฐฯ ได้เคยเจอกับมนุษย์ต่างดาวตัว
จริง ไม่เพียงแต่แค่เจอกันเท่านั้น แต่ถึงกับทำสนธิสัญญาทีเดียว
เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการคือมีคณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐฯ
เข้าร่วมด้วย ท่านประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนที่ว่านี้คือ
ท่าน Dwight David "Ike" Eisenhower ท่านนายพลไฮเซนฮาวน์
เป็นธานาธิบดีคนที่ 34 ของประเทศสหรัฐฯ อยู่ในวาระระหว่างปี
ค.ศ.1953 - ค.ศ.1961 ด้วยผลงานในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่
สองได้ตำแหน่งนายพลห้าดาว ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหาร
สูงสุดกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรในทวีปยุโรป
การพบปะอย่างเป็นทางการที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เกิดขึ้นใน
ช่วงปี ค.ศ.1954 และปี ค.ศ.1955 กับมุนษย์ต่างดาวสองสาย
พันธุ์(เท่าที่ทราบ) เกิดประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ทั้งสองครั้ง